“บิ๊กเต่า” เผยเงินวัดไร่ขิงพุ่งไม่หยุด สอบมาราธอนพระเลขา ลุ้นเปิดเซฟ “ทิดแย้ม”

นครปฐม – “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีทุจริตเงินวัดไร่ขิง ระบุยอดเงินที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ 300 ล้านบาท ขณะนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะจบลงที่จำนวนเท่าใด ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบเส้นทางการเงินและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างละเอียด พร้อมเผยปมความขัดแย้งระหว่างอดีตเจ้าอาวาส หรือ “ทิดแย้ม” กับ “สีกาคนสนิท” ขณะเดียวกันยังคงเร่งสอบปากคำพระเลขาฯ ที่ใกล้ชิดนานกว่า 5 ชั่วโมง และเตรียมประสานหน่วยงานเปิดตู้เซฟปริศนาในกุฏิ “ทิดแย้ม” เพื่อคลี่ปมที่เหลือ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสอบปากคำ พระอ๋อ เลขานุการเจ้าคณะภาค 14 และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง โดยระบุว่า การสอบปากคำในวันนี้ยังไม่แล้วเสร็จ และจะเชิญ พระอ๋อ ไปสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงเหตุผลที่ต้องสอบปากคำ พระอ๋อ อย่างเข้มข้น เนื่องจาก พระอ๋อ เป็นพระเลขาฯ ที่มีความใกล้ชิดกับ อดีตท่านเจ้าคุณแย้ม อย่างมาก และมีหน้าที่ดูแลเก็บเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการใช้จ่ายต่างๆ ของวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคอมพิวเตอร์และเอกสารสำคัญไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว พร้อมยืนยันว่า พระอ๋อ ไม่ใช่หลานของอดีตท่านเจ้าคุณแย้ม ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้

รอง ผบช.ก. กล่าวต่อไปถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง อดีตท่านเจ้าคุณแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือ สีกาคนสนิท ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งบางประเด็นระหว่างบุคคลทั้งสองแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ โดยเน้นย้ำว่า การสอบสวนในห้วงเวลานี้จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบเส้นทางการเงินและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยตัวเลขเงินที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยระบุว่า จากเงิน 300 ล้านบาทที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ ขณะนี้มีจำนวนมากกว่าเดิม และยังไม่สามารถตอบได้ว่ายอดเงินรวมจะไปสิ้นสุดที่เท่าใด เนื่องจากวัดไร่ขิงมีบัญชีจำนวนมากที่ต้องตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีบางส่วนที่ปิดไปแล้วตามกิจกรรมต่างๆ ทำให้ต้องใช้เวลาในการไล่ตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนการเบิกเงินออกจากบัญชีวัดนั้น อดีตท่านเจ้าคุณแย้มจะเป็นผู้แต่งตั้งบุคคลขึ้นมาดูแลในแต่ละบัญชี แต่ยืนยันว่าการเซ็นเบิกถอนเงินทุกบัญชีจะเป็นลายเซ็นของอดีตท่านเจ้าคุณแย้มเอง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า การดำเนินงานของตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ ปปท. และ ป.ป.ช. เป็นไปตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่ตรวจพบ รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีความผิดเพี้ยน อย่างไรก็ตาม ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และอาจจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยเฉพาะ เนื่องจากคดีมีการขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องอีกหลายราย

สำหรับกรณีของ นายเอกพจน์ อดีตพระลูกวัดที่ใกล้ชิดอดีตท่านเจ้าคุณแย้ม ซึ่งมีหมายจับของตำรวจไซเบอร์เกี่ยวกับคดีการพนันออนไลน์นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตำรวจสอบสวนกลางได้ประสานไปยังตำรวจไซเบอร์แล้ว และอาจมีการอายัดตัวส่งกลับไปดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของตู้เซฟที่พบในกุฏิของอดีตท่านเจ้าคุณแย้ม แต่ยังไม่สามารถเปิดได้นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าจะนำตู้เซฟดังกล่าวไปเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เพื่อประสานหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการเปิดตู้เซฟต่อไป ซึ่งคาดว่าข้อมูลภายในตู้เซฟอาจเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่ปมคดีที่ยังเหลืออยู่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *