ไวรัลน่าเอ็นดู! น้องพีร์-น้องธีร์ ไม่อยากมีน้องแล้ว หลังทดลองเลี้ยง ด้าน บีม-ออย เปิดใจเรื่องฝากไข่-หมอดูทักเรื่องรวย
ไวรัลน่าเอ็นดู! น้องพีร์-น้องธีร์ ไม่อยากมีน้องแล้ว หลังทดลองเลี้ยง ด้าน บีม-ออย เปิดใจเรื่องฝากไข่-หมอดูทักเรื่องรวย
กลายเป็นคลิปไวรัลที่เรียกเสียงหัวเราะและความเอ็นดูอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังสองหนุ่มน้อยวัยกำลังซน น้องพีร์ และ น้องธีร์ ลูกชายฝาแฝดของคุณพ่อ บีม กวี และคุณแม่ ออย อฏิพรณ์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนถึงเรื่องการมีน้องเพิ่ม โดยบอกว่า “ไม่อยากให้แม่มีน้องแล้ว” หลังได้ทดลองเลี้ยงน้องๆ (คาดว่าเป็นน้องสาวฝาแฝด อัญญา-อัยวา ที่มีการพูดถึงในคลิป)
ล่าสุด คุณพ่อบีม และคุณแม่ออย ได้ควงคู่กันมาร่วมงาน มหกรรม Dr.JiLL ณ อาคารเกษร ทาวเวอร์ (GAYSORN TOWER) และได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเบื้องหลังเรื่องราวดังกล่าว รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีทายาทเพิ่ม
คุณพ่อบีม เล่าถึงเหตุผลของลูกชายคนโตอย่างน้องพีร์ว่า “แล้วเขามีเหตุผลด้วย เขาบอกว่าน้องมีสองคน เขาทดลองมาแล้ว (เลี้ยงน้องอัญญา-อัยวา) ว่าเขาไม่สามารถที่จะเลี้ยงสองคนได้ น้องพีไม่มีสองน้องพี วันหนึ่งๆน้องพีร์จะต้องดูอันนี้ แล้ววันหนึ่งๆน้องพีร์ก็จะต้องดูอันนี้ น้องพีไม่สามารถแยกร่างได้” ซึ่งฟังดูแล้วก็เป็นเหตุผลที่น่าเอ็นดูตามประสาเด็กๆ ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการแบ่งเวลาและภาระที่แท้จริง
ด้านคุณแม่ออย ได้เล่าเสริมในประเด็นที่ลึกซึ้งกว่านั้น ซึ่งเกี่ยวกับ “ไข่” ที่ยังคงฝากแช่แข็งไว้ โดยถึงเวลาที่ต้องจ่ายค่าดูแลรักษา เธอจึงได้ลองหันไปถามน้องพีร์และน้องธีร์ถึงการมีน้องที่ยังอยู่ในช่องแข็งว่า
“คือเรื่องมันเกิดมาจากที่ออยต้องไปจ่ายค่าฝากไข่ที่ยังอยู่ในช่องแข็ง เราก็ยังรักษาเขาไว้อยู่ ถึงเวลาจ่ายตังค์เราก็เลยหันไปถามเขาว่าน้องพีร์มีน้องแช่ตู้เย็นอยู่ คือตอนบอกน้องพีร์อ่ะน้องพีร์เขาบอกว่าไม่เอา น้องธีร์ก็บอกไม่เอา ก็เลยบอกว่า แต่ว่าน้องอ่ะหนาวมากเลยนะลูกน้องอยู่ในช่องแข็งหนาวมาก ธีร์ก็เลยบอกว่า เฮ้อก็ได้” แสดงให้เห็นถึงความลังเลของเด็กๆ และความพยายามของคุณแม่ในการสื่อสารเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน
นอกจากเรื่องไข่ที่แช่แข็งแล้ว ยังมีประเด็นที่ทำให้คุณแม่ออยถึงกับ “ไขว่เขว” หรือลังเลอย่างหนัก นั่นคือคำทักจาก หมอดู ที่เธอเคารพและเป็นหมอดูประจำตระกูล ซึ่งท่านได้โทรศัพท์ไปหาน้องสาวของคุณออยโดยตรง
คุณพ่อบีม เปิดเผยว่า “ออยเขามีไขว่เขวนะ เพราะว่าหมอดูออยอยู่ดีๆหมอดูก็โทรศัพท์มาหา แล้วคือเป็นหมอดูที่เขาแม่นด้วยเป็นหมอดูประจำตระกูลที่เคารพ อยู่ดีๆเขาก็โทรหาน้องสาวออย ว่าถ้าพี่สาวเธอถ้ามีลูกปีม้าจะดีมากเลยส่งเสริมจะรวยมากๆ เราบอกมีเหลือแต่ลูกสาว เขาก็บอกว่าถ้าเป็นลูกสาวอ่ะแม่จะรวย เราก็เลยคิดว่าเอายังไงดี ก็เลยไปปรึกษาแม่ของบีม แม่บอกไปรับมาไหม(หัวเราะ)”
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อบีมได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงขำๆ ว่า “เราต้องนึกถึงตอนนี้ก่อนอย่าพึ่งไปวางแผนอนาคต ตอนนี้เดี๋ยวให้รอดก่อน เล่าขำๆนะอย่าไปซีเรียส” เพื่อลดความตึงเครียดในประเด็นนี้
ด้านคุณแม่ออยเองก็สรุปถึงความตั้งใจในปัจจุบันว่า “จริงๆมันก็ฟันธงไปแล้ว 90% ว่าคงไม่มี” แต่ลึกๆ ในใจก็ยังมีความรู้สึกกังวลอยู่ เพราะลูกที่อยู่ในช่องแข็งนั้น เธอได้ลองไปถาม พระ ท่านหนึ่ง และได้รับคำตอบที่ทำให้คิดไม่ตก
คุณแม่ออย เล่าว่า “แต่ใจลึกลึกเราก็รู้สึกว่าลูกเราอยู่ในช่องแข็ง แล้วเราก็ไปถามพระว่าเขามีวิญญาณหรือยัง พระบอกว่าเขามีวิญญาณแล้วโยม เราก็เครียดเลย แต่พระบอกว่าอย่าไปเครียดเลยนี่ก็เป็นวิบากกรรมของเขา” คำตอบจากพระที่บอกว่าไข่ที่แช่แข็งมีวิญญาณแล้ว ทำให้คุณแม่ออยรู้สึกหนักใจไม่น้อย แม้พระท่านจะปลอบว่าเป็นวิบากกรรมของเขาก็ตาม
เรื่องราวทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการตัดสินใจเกี่ยวกับการมีทายาทเพิ่มในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ความพร้อมทางกาย ใจ หรือปัจจัยทางโลก แต่ยังรวมถึงความเชื่อทางศาสนาและคำทักทายต่างๆ ซึ่งครอบครัว บีม-ออย กำลังเผชิญอยู่.