กรุงเทพฯ – บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG รายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2568 มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 152.6 ล้านบาท โดยหากพิจารณากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติจะอยู่ที่ 197.8 ล้านบาท ซึ่งลดลง 42.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG เปิดเผยถึงสาเหตุหลักของการลดลงของผลประกอบการในไตรมาสนี้ว่า มาจากปัจจัยสำคัญสองประการ ได้แก่ การสิ้นสุดลงของรายได้ส่วนเพิ่มจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย และการดำเนินการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น

นอกจากปัจจัยข้างต้น กำไรสุทธิที่รายงานในงบการเงินยังได้รับผลกระทบจากรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแทนอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิหลังรวมรายการเหล่านี้อยู่ที่ 152.6 ล้านบาท ในขณะที่รายได้รวมทั้งสิ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 730.9 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร BCPG ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ว่าจะมีการฟื้นตัวและเติบโตที่ดีขึ้น โดยอ้างอิงถึงปัจจัยสนับสนุนหลายประการ:

• โรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว: คาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณที่สูงขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำเหมาะสมกับการผลิต
• โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา: จะได้รับค่าความพร้อมจ่ายไฟ (Capacity Revenue) ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นรายได้ที่มีความสม่ำเสมอและคาดการณ์ได้
• โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม มอนซูน ใน สปป. ลาว: โครงการขนาดใหญ่กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์นี้ พร้อมที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งรายได้หลักที่สำคัญของบริษัท
• โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม: ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเข้าซื้อกิจการกำลังการผลิตติดตั้งรวม 99 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้เช่นเดียวกัน

จากปัจจัยบวกที่กล่าวมาข้างต้น BCPG คาดการณ์ว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2568 จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยชดเชยผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกและขับเคลื่อนการเติบโตโดยรวมของบริษัทในปีนี้.