‘ภูมิธรรม’ นำพิธีสงฆ์-บวงสรวง ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ครบรอบ 243 ปี ย้ำความสำคัญต่อประเทศชาติ
กรุงเทพมหานคร – เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก ได้เป็นประธานในพิธีสำคัญ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ประจำปี 2568 ซึ่งเวียนมาบรรจบครบรอบ 243 ปี โดยมีพิธี ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เพื่อบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีบวงสรวงตามโบราณราชประเพณี
การประกอบพิธีครั้งนี้ มีขึ้นอย่างสมเกียรติและศักดิ์สิทธิ์ เริ่มต้นด้วยพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ต่อเนื่องด้วยพิธีสงฆ์ และพิธีบวงสรวงสังเวยตามแบบพิธีพราหมณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติและประชาชน ในโอกาสอันสำคัญนี้
ผู้เข้าร่วมในพิธีประกอบด้วยบุคคลสำคัญจากหลายภาคส่วน ได้แก่ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และคุณอานุสรา เหลืองงามขำ นายกสมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พร้อมด้วยผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ, คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารระดับสูงขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก โดยได้รับความเมตตาจาก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร มาเป็นประธานประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ
ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร ถือเป็นปูชนียสถานที่มีความสำคัญยิ่งยวดต่อประเทศไทย เป็นที่ประดิษฐานของพระหลักเมือง และเทพารักษ์ผู้ทรงอานุภาพทั้ง 5 อันได้แก่ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง ซึ่งมีบทบาทในการปกปักรักษาบ้านเมืองให้มีความมั่นคง เป็นเอกราช และเจริญรุ่งเรือง
นอกจากนี้ ภายในศาลหลักเมืองยังมีหอพระซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิด เพื่อให้ประชาชนได้เดินทางมาสักการะบูชา ขอพร และบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเลื่อมใส ถือเป็นศูนย์รวมทางจิตใจที่สำคัญยิ่งของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ
ด้วยความสำคัญทั้งในมิติทางประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์รวมศรัทธาของประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ศาลหลักเมืองจึงยังคงเป็นสถานที่ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าเยี่ยมชมและสักการะอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:30 น. ถึง 18:00 น.
พิธีในวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความเคารพต่อปูชนียสถานสำคัญและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความผูกพันและความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อศาลหลักเมือง ในฐานะหลักชัยและเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพื่อความเป็นสิริมงคล ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศสืบไป