กรุงเทพฯ – เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครประกาศยุติปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตอย่างเป็นทางการ ณ จุดเกิดเหตุอาคารที่กำลังก่อสร้างซึ่งถล่มลงมาเมื่อเดือนที่แล้วจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แม้จะห่างไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวกว่าพันกิโลเมตร

เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แม้จะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ มากกว่า 1,200 กิโลเมตร แต่ก็ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในกรุงเทพฯ อย่างน้อย 96 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเหตุการณ์อาคารถล่มแห่งนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาพุ่งสูงกว่า 3,000 ราย

เจ้าหน้าที่รายงานว่า ได้กู้ร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคารได้แล้ว 89 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 7 ราย ณ จุดเกิดเหตุ โดยยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ที่พบอีกหลายร้อยชิ้นเพื่อระบุตัวบุคคลของผู้ที่ยังคงสูญหายต่อไป

เหตุการณ์อาคารถล่มครั้งนี้ได้จุดประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้าง การบังคับใช้กฎหมาย และปัญหาการทุจริต อาคารแห่งนี้ซึ่งออกแบบมาเพื่อเป็นสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นอาคารแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่พังถล่มลงมาทั้งหมดในวันดังกล่าว

ล่าสุด ตำรวจเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และจะดำเนินการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากพื้นที่อาคารถล่มจนถึงสิ้นเดือนนี้

ทางการกำลังสอบสวนบริษัทและบุคคลหลายรายที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดที่นำไปสู่อาคารถล่ม รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างของรัฐบาลจีน คือ China Railway No. 10 Engineering Group การสอบสวนนี้นำไปสู่การจับกุมผู้บริหารชาวจีนชื่อ ‘จาง’ และผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 คน ในความผิดฐานต้องสงสัยประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินี ชาวต่างชาติสามารถดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ แต่ต้องเป็นการร่วมทุนกับคนไทย และถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% เพื่อปกป้องการแข่งขันในประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทไทย-จีนอีกแห่ง คือ Xin Ke Yuan Steel ก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับคุณภาพของเหล็กเส้นที่นำมาใช้ในการก่อสร้างอาคาร นายอัคนิษฐ์ พรหมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เหล็กเส้นสองชนิดที่พบในบริเวณที่อาคารถล่มนั้น ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และบริษัท Xin Ke Yuan Steel เป็นผู้จัดหาเหล็กทั้งสองชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาการกระทำผิดใดๆ