รัฐบาลเข้มมาตรการ ‘บั้งไฟ’ ใกล้สนามบิน ย้ำความปลอดภัยการบิน ฝ่าฝืนโทษสูงสุด ‘ประหารชีวิต’
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับการจุดและปล่อยวัตถุอันตรายขึ้นสู่อากาศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลบุญบั้งไฟ ซึ่งมักจะจัดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนของทุกปี
นายคารม ระบุว่า รัฐบาลได้สั่งการให้กรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม เตรียมพร้อมและประชาสัมพันธ์มาตรการควบคุมการจุดและปล่อย บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมควัน หรือวัตถุอื่นที่คล้ายคลึงกันอย่างเข้มงวด เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบของประเพณีบุญบั้งไฟได้มีการเปลี่ยนแปลงไป มีการแข่งขันเพื่อปล่อยบั้งไฟให้พุ่งขึ้นสู่ความสูงที่มากขึ้นอย่างมาก ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อความปลอดภัยของอากาศยาน รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับเทศกาลบุญบั้งไฟประจำปี 2568 นี้ รัฐบาลได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและสนามบิน ให้ประชาสัมพันธ์มาตรการด้านความปลอดภัยอย่างทั่วถึง ตามที่กำหนดไว้ในคู่มือการดำเนินงานสนามบิน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้ที่ต้องการขออนุญาตจุดบั้งไฟ
หัวใจสำคัญของมาตรการคือ การงดเว้นโดยเด็ดขาดในการจุดและปล่อยวัตถุอันตรายเหล่านี้ในพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ และพื้นที่เสี่ยงตามแนวขึ้น-ลงของเครื่องบิน รวมถึงบริเวณโดยรอบท่าอากาศยานทุกแห่ง การกระทำในพื้นที่เหล่านี้อาจเป็นอันตรายโดยตรงต่ออากาศยานและส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของนักบินในขณะทำการบินหรือลงจอด
สำหรับผู้ที่ต้องการจุดบั้งไฟในพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากเขตหวงห้ามดังกล่าว จำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการขออนุญาตอย่างเคร่งครัด โดยต้องทำหนังสือขออนุญาตการจุดบั้งไฟกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำตำบล อำเภอ หรือจังหวัดที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ ก่อน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับคำขอ จะต้องมีหน้าที่แจ้งหนังสือขออนุญาตการจุดดังกล่าวไปยังท่าอากาศยานที่อยู่ใกล้เคียงทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 ถึง 15 วันทำการ โดยจะต้องระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น ชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของผู้ประสานงานการจุดบั้งไฟอย่างน้อย 2 คน พร้อมทั้งพิกัดการปล่อยบั้งไฟอย่างละเอียด ทั้งละติจูด (Latitude) และลองจิจูด (Longitude) เพื่อให้สนามบินนำข้อมูลไปประกอบการออกประกาศแจ้งเตือนนักบิน (Notice to Airmen – NOTAM) และผู้ขออนุญาตจะต้องเฝ้าติดตามการติดต่อจากศูนย์ควบคุมการบินตลอดเวลาที่มีการจุดและปล่อยบั้งไฟ
นายคารม ย้ำถึงบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการเหล่านี้ว่า มีความรุนแรงถึงขั้นสูงสุด หากผู้ใดจุดและปล่อยบั้งไฟโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกระทำการในพื้นที่ต้องห้าม จะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และหากการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น ทำให้อากาศยานที่กำลังให้บริการเสียหายจนไม่สามารถทำการบินได้ หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างทำการบิน ผู้กระทำต้องระวางโทษสถานหนักถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 บาท ถึง 800,000 บาท ตามความในมาตรา 59/1 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497
รัฐบาลเน้นย้ำว่า การดำเนินงานประเพณีท้องถิ่นสามารถทำได้ควบคู่ไปกับความปลอดภัย โดยเฉพาะความปลอดภัยด้านการบิน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้