เงินบาทเปิดตลาดอ่อนค่าหนัก แตะ 33.38 บาท/ดอลลาร์ หลังดีลการค้าสหรัฐฯ-จีน หนุนดอลลาร์แข็งค่า

กรุงเทพฯ – เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ แตะระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนที่ 33.02 บาทต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าครั้งนี้ได้รับแรงกดดันหลักจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังตลาดตอบรับเชิงบวกต่อความคืบหน้าข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของตลาดการเงินไทย ค่าเงินบาท (USD/THB) ได้พลิกกลับมาอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์ และเข้าใกล้โซนแนวต้านถัดไปที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.91-33.52 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา

ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น มาจากภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดการเงินทั่วโลก หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวได้ ซึ่งภาพดังกล่าวส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และเริ่มลดความคาดหวังต่อแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดหลายรายมองว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เพียงประมาณ 2 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนถึงกับปรับมุมมอง โดยคาดว่าการลดดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเลื่อนจากเดิมที่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนกรกฎาคม ออกไปเป็นช่วงเดือนธันวาคมแทน

นอกจากปัจจัยด้านการค้าสหรัฐฯ-จีน และมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยเฟดแล้ว เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำในตลาดโลก (XAU/USD) ซึ่งมีจังหวะย่อตัวลงไปทดสอบโซน 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงได้บ้าง จากแรงขายทำกำไรในการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการรีบาวด์ของราคาทองคำในบางช่วง

นายพูน กล่าวเสริมว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มที่เฟดจะไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ประกอบกับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทยอยออกมาดีกว่าที่คาด ได้มีส่วนช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ Krungthai GLOBAL MARKETS มองว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้อีก เนื่องจากโมเมนตัมการอ่อนค่าเริ่มมีกำลังมากขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทยังคงมีแรงกดดันจากกระแสเงินทุน (โฟลว์) ธุรกรรมการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ทิศทางของเงินบาทจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ แนวโน้มราคาทองคำ และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย

ในส่วนของกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น อาจเห็นแรงซื้อหุ้นไทยเพิ่มเติมได้บ้าง แต่ก็อาจเห็นแรงขายทำกำไรในสถานะลงทุนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวของไทยมากขึ้น

สำหรับเงินดอลลาร์ ทาง Krungthai GLOBAL MARKETS คาดว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจชะลอลงบ้าง และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวนแบบสองทาง (Two-Way Volatility) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด โดยต้องติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ว่าจะยังคงแสดงความสดใสหรือไม่

นายพูน ได้เน้นย้ำคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา โดยอาจพิจารณาใช้เครื่องมือเพิ่มเติม เช่น Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

ทั้งนี้ Krungthai GLOBAL MARKETS มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 32.95-33.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.60 บาทต่อดอลลาร์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *