พระนครศรีอยุธยา – เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่บ้านพักแบบน็อกดาวน์ ซึ่งใช้เป็นที่เก็บแบตเตอรี่โซลาร์เซลล์ ในอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพลิงโหมไหม้วอดทั้งหลัง ลูกชายเจ้าของบ้านเผยได้ยินเสียงระเบิดดังหลายครั้ง ก่อนไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมเพลิง โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจและพิสูจน์หลักฐานเตรียมเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง

เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่ 88/202 หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านกรด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้ง จึงได้ประสานไปยังรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองบ้านกรด และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเร่งรัดเข้าควบคุมสถานการณ์โดยเร็ว

เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านพักแบบน็อกดาวน์ที่ปลูกอยู่ใกล้เคียงกับบ้านปูนสองชั้น ซึ่งภายในบ้านหลังดังกล่าวใช้เป็นที่เก็บแบตเตอรี่สำหรับระบบโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาบ้าน เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงระดมกำลังฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านเรือนใกล้เคียงที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ท่ามกลางความแตกตื่นของเพื่อนบ้าน

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดและสงบลงได้ในที่สุด จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น พบว่าบ้านพักแบบน็อกดาวน์ที่เกิดเหตุถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง รวมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ภายในบ้านก็ถูกเพลิงไหม้เสียหายเช่นกัน

จากการสอบถามนายปวินท์ อุรัตน อายุ 23 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า บ้านน็อกดาวน์หลังที่เกิดเพลิงไหม้นั้นใช้เป็นที่เก็บแบตเตอรี่ของระบบโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งมาได้หลายปีแล้ว ซึ่งในขณะเกิดเหตุ ตนและคนในครอบครัวรวม 5 คนกำลังอยู่ในบ้านปูน ซึ่งอยู่ใกล้กัน ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง นับได้ประมาณ 6-7 ครั้ง ก่อนที่จะมีเปลวเพลิงลุกไหม้ออกมาจากบ้านน็อกดาวน์อย่างรวดเร็ว พวกตนพยายามช่วยกันดับไฟเบื้องต้น แต่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มาช่วยเหลือ

ในส่วนของสาเหตุเพลิงไหม้ที่แน่ชัดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางปะอินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานให้เข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้และเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นต่อไป

นับเป็นโชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงความเสียหายทางทรัพย์สินเท่านั้น