พระนครศรีอยุธยา – วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เพจดัง “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งก่อเหตุรุมทำร้ายคู่อริอย่างทารุณ และนำคลิปวิดีโอการทำร้ายไปโพสต์ประจานบนโซเชียลมีเดีย สร้างความตกใจและไม่พอใจอย่างกว้างขวางในสังคม

รายงานระบุว่า กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมีสมาชิกมากกว่า 10 คน ทั้งชาย หญิง และสาวประเภทสอง มีพฤติกรรมรุนแรง ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นหลายครั้ง ที่น่าตกใจคือในเคสล่าสุด ซึ่งมีการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เป็นเหตุการณ์ที่เด็กหญิงอายุเพียง 13 ปี ตกเป็นเหยื่อ ถูกกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 คน รุมทำร้ายร่างกายอย่างไม่ปรานี ทั้งทุบตี ชกต่อย และกระทืบซ้ำหลายครั้ง แม้ว่าเพื่อนของเด็กหญิงคนดังกล่าวจะพยายามยกมือไหว้ร้องขอชีวิตและวิงวอนให้หยุด แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุยังคงทำร้ายอย่างต่อเนื่อง จนเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเลือดกลบปาก นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แก๊งวัยรุ่นกลุ่มนี้ก่อเหตุรุนแรง จากการตรวจสอบพบว่ามีประวัติการรุมทำร้ายคู่อริมาแล้วหลายครั้ง และมีพฤติกรรมที่น่าตกใจคือการถ่ายคลิปวิดีโอขณะทำร้ายร่างกาย และนำไปโพสต์ลงบนสตอรี่โซเชียลมีเดียของตัวเอง ซึ่งเป็นการประจานเหยื่อ และอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย

พฤติกรรมดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และขาดจิตสำนึก แม้เหยื่อจะไม่มีทางสู้และมีการร้องขอให้ยุติการทำร้ายแล้วก็ตาม การกระทำนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคมเกี่ยวกับความรุนแรงในกลุ่มเยาวชนและการใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิดเพื่อจุดประสงค์ในการกลั่นแกล้งและสร้างความอับอาย

ล่าสุด ภายหลังจากที่คลิปวิดีโอและเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ ซึ่งนำไปสู่การเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว มีรายงานว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งมีรายชื่อและอายุตามที่ปรากฏในการแฉของเพจดัง จำนวน 11 คน ได้แก่ นายพัน อายุ 19 ปี, น.ส.แพร อายุ 18 ปี, น.ส.บิว อายุ 17 ปี, น.ส.อิง อายุ 17 ปี, นายเอิท อายุ 17 ปี, นายเบียร์ อายุ 16 ปี, น.ส.มด อายุ 20 ปี, นายเพลิน อายุ 20 ปี, น.ส.เนย อายุ 16 ปี, นายกาย อายุ 16 ปี, และ น.ส.โม อายุ 18 ปี ได้มีบางส่วนติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อขอมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว

เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในกลุ่มเยาวชน รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียอย่างเหมาะสม ซึ่งทุกภาคส่วนในสังคมควรร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต