จับออสซี่หนีคดีปล้นทรัพย์ 21 ล้าน ซ่อนตัววิลล่าหรูพัทยา พบสิงโตคู่-อาวุธเพียบ

ตำรวจภูธรภาค 8 ประสบความสำเร็จในการติดตามและจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับคดีปล้นทรัพย์เพื่อนร่วมชาติ ทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและเกาะสมุย โดยเข้าควบคุมตัวได้ที่วิลล่าหรูในจังหวัดชลบุรี พร้อมตรวจพบของกลางเป็นสิงโตถึง 2 ตัว และอาวุธปืนบีบีกันจำนวนมาก

พล.ต.ท. สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 8 สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ สภ.หนองปรือ เข้าทำการจับกุมตัว นายบิลลี่ (Billy) สัญชาติออสเตรเลีย ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตและศาลจังหวัดเกาะสมุย ในข้อหาปล้นทรัพย์

การจับกุมครั้งนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ วิลล่าหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.9 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองพัทยา

ขณะเข้าตรวจค้นภายในวิลล่า เจ้าหน้าที่ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีการเลี้ยงสิงโตขนาดใหญ่ไว้ถึง 2 ตัว โดยผู้ต้องหาอ้างว่าสิงโตดังกล่าวได้ทำการจดแจ้งในชื่อของแฟนสาวชาวไทยแล้ว และตนเองเป็นผู้ซื้อมาเลี้ยงไว้เอง โดยตัวหนึ่งอายุประมาณ 1 ปี ซื้อมาในราคา 1 ล้านบาท และอีกตัวอายุประมาณ 5 เดือน ซื้อมาในราคา 7 แสนบาท

นอกจากสิงโตแล้ว เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบอาวุธปืนบีบีกันอีกหลายกระบอกภายในวิลล่าดังกล่าว ซึ่งวิลล่าหลังนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 2 ไร่ มีมูลค่าประเมินกว่า 30 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไปว่าทรัพย์สินที่ได้มามีที่ไปที่มาอย่างไร

คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้เสียหายชาวออสเตรเลียได้เข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บช.ภ.8 ว่าถูกกลุ่มคนร้ายชาวออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน ก่อเหตุปล้นทรัพย์สินทั้งเงินสดและคริปโทเคอร์เรนซี รวมมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท อีกทั้งยังถูกสะกดรอยและข่มขู่เอาชีวิต ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าหัวหน้าแก๊งมีกลุ่มอิทธิพลและญาติเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้เกิดความหวาดกลัว จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก ผบช.ภ.8

หลังจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนเชื่อว่าผู้เสียหายถูกก่อเหตุปล้นทรัพย์จริงถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อผู้ต้องหาคือนายบิลลี่กับพวก รวม 4 คน ได้บุกเข้าไปในวิลล่าที่ผู้เสียหายพักอยู่ในพื้นที่ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ บังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินจำนวน 2 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายบิลลี่ และต่อมายังได้เอาเงินสดไปอีก 10.5 ล้านบาท รวมเป็น 12.5 ล้านบาท พร้อมทั้งข่มขู่ห้ามไม่ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความ

แม้ผู้เสียหายจะพยายามหลบหนีไปพักที่อื่น แต่ก็ยังถูกแกะรอยติดตาม จนกระทั่งช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายบิลลี่ได้ส่งกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดชาวไทย ติดตามไปพบผู้เสียหายขณะที่พักอยู่ในพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และได้บังคับให้ผู้เสียหายโอนคริปโทเคอร์เรนซี สกุล Bitcoin จำนวน 2.8 เหรียญ ให้กับนายบิลลี่ ทำให้มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสองครั้งประมาณ 21 ล้านบาท

จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.ต. เลิศชัย เลิศวุฒิวงศ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหาย และพาผู้เสียหายไปร้องทุกข์แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.ฉลอง และ สภ.เกาะสมุย เพื่อเร่งรัดขออนุมัติหมายจับจากศาล จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาได้สำเร็จในที่สุด โดยเบื้องต้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการสอบสวนที่จังหวัดภูเก็ตต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *