ช้ำใจ! สาวแคชเชียร์ถูก “มนุษย์ป้า” โกงเงินทอนกลางร้าน กล้องวงจรปิดจับภาพชัด โร่เตือนภัยสังคม หลังต้องควักเนื้อจ่ายเอง
พระนครศรีอยุธยา – กลายเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจและได้รับการแชร์ต่ออย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ เมื่อพนักงานแคชเชียร์สาววัย 21 ปี ต้องเจอเหตุการณ์สุดช้ำใจ ถูกลูกค้าหญิงวัยกลางคนใช้กลโกงเงินทอนกลางร้านค้าในตลาดวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกพฤติกรรมขณะลงมือไว้ได้อย่างชัดเจน ที่เจ็บปวดที่สุดคือเธอต้องควักเงินส่วนตัวเพื่อชดใช้ให้กับร้าน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ น.ส.พรนภา อายุ 21 ปี พนักงานแคชเชียร์ผู้ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเล่าเหตุการณ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมนำคลิปจากกล้องวงจรปิดมาแสดงเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยสังคม น.ส.พรนภา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านอาหารสดภายในตลาดมีลูกค้าหนาแน่น
หญิงคนร้ายซึ่งมีลักษณะเป็นหญิงวัยกลางคน อายุราว 40 ต้นๆ ได้เดินเข้ามาทำทีเป็นลูกค้าปกติ เลือกซื้อของ และนำมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ โดยเธอได้ชำระเงินด้วยธนบัตรฉบับ 1,000 บาท และได้รับเงินทอนคืนไปเป็นจำนวนประมาณ 900 กว่าบาท
น.ส.พรนภา เล่าถึงจังหวะที่ถูกหลอกว่า “พอหนูยื่นเงินทอนให้ เขา (หญิงคนร้าย) ก็หยิบแบงก์ 500 บาทออกจากปึกเงินทอน แล้วเอาไปใส่ไว้ในกระเป๋าคาดเอวของเขาอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่หนูกำลังก้มลงหยิบถุงให้ลูกค้าคนอื่น จากนั้นเขาก็หันมาบอกว่าเงินทอนไม่ครบ หนูก็ตกใจ รีบเช็กเงินที่เหลืออยู่ในมือ เห็นว่ามันขาดไป 500 บาทจริงๆ ก็เลยหยิบแบงก์ 500 บาทเพิ่มให้เขาไป เพราะคิดว่าตัวเองทอนขาดไปจริงๆ ค่ะ”
ความจริงมาปรากฏขึ้นหลังเลิกงาน เมื่อ น.ส.พรนภา นับยอดเงินในลิ้นชักเคาน์เตอร์และพบว่าเงินขาดไปเป็นจำนวน 500 บาท เธอจึงรีบขอดูกล้องวงจรปิดย้อนหลัง และต้องตกใจเมื่อเห็นภาพพฤติกรรมของหญิงคนดังกล่าวที่ลงมือโกงเงินทอนอย่างแนบเนียน อาศัยช่วงเวลาที่พนักงานไม่ทันสังเกต แอบหยิบเงินใส่กระเป๋าตัวเอง
“หนูเสียใจมากค่ะ เพราะเงินที่ขาดไป 500 บาท ทางร้านให้หนูเป็นคนรับผิดชอบและต้องควักเงินส่วนตัวจ่ายคืนร้านไป เงินจำนวนนี้สำหรับบางคนอาจจะดูไม่เยอะ แต่สำหรับหนูซึ่งมาทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม และต้องทำงานทั้งวันกว่าจะได้เงินมา มันเป็นเงินจำนวนมากเลยค่ะ” น.ส.พรนภา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แม้จะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ น.ส.พรนภา ตัดสินใจที่จะไม่แจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากคิดว่าคงไม่ได้เงินคืน แต่เธอต้องการนำเรื่องราวนี้มาเป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนร่วมอาชีพพนักงานแคชเชียร์ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการรับจ่ายเงิน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่อาจมาในรูปแบบของคนหน้าตาดีหรือพูดจาดี แต่มีเจตนาไม่ซื่อ
ขณะนี้ผู้คนบนโลกโซเชียลมีเดียต่างร่วมกันแชร์คลิปวิดีโอและภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิด เพื่อช่วยกันตามหาตัวหญิงคนร้ายรายนี้ และเตือนให้ร้านค้าหรือประชาชนทั่วไประมัดระวัง หากใครมีเบาะแสหรือพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียงกับภาพในคลิป สามารถแจ้งข้อมูลได้ตามช่องทางต่างๆ เพื่อช่วยกันหยุดพฤติกรรมฉ้อโกงเช่นนี้