AUCT สหการประมูล เผยผลงาน Q1/68 กำไรสุทธิวูบ 54% เหตุปริมาณรถเข้าสู่ธุรกิจประมูลชะลอตัว
กรุงเทพฯ – บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่ามีรายได้และกำไรสุทธิปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหลักมาจากปัจจัยด้านปริมาณรถยนต์ที่เข้าสู่ธุรกิจประมูลที่ชะลอตัวลง
นายวรัญญู ศิลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AUCT เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 263.72 ล้านบาท ลดลง 79.10 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการประมูล 221.26 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23.7 และรายได้ค่าขนย้ายและบริการเสริม 42.46 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.9
สาเหตุของการลดลงของรายได้ต่อเนื่องมาจากช่วงปลายไตรมาส 4/2567 เกิดจากการชะลอตัวของจำนวนรถที่เข้าสู่ลานประมูลและจำนวนรถที่จบประมูล ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ทั้งจากการประมูลและบริการเสริม
ด้านต้นทุนบริการในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 146.57 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน ต้นทุนส่วนใหญ่ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่างๆ
สำหรับผลประกอบการด้านกำไรสุทธิ AUCT มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 จำนวน 54.73 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 65.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 27.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณรถที่จบประมูลที่ชะลอลง
นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการ AUCT กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจว่า แม้จะมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น การขยายเวลาโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” และการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลดีต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่ผลกระทบยังจำกัด เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงลดลงต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า เหตุการณ์แผ่นดินไหว เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพที่สูง
ทิศทางการชะลอตัวของยอดจัดสินเชื่อรถยนต์ใหม่จากการเข้มงวดของสถาบันการเงิน สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ใหม่ในไตรมาส 1/2568 ที่ลดลงร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกันยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และภาพรวมของชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ (REM) ก็มีการขยายตัวตามปริมาณรถยนต์จดทะเบียนสะสมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางปริมาณรถที่จะมีโอกาสหมุนเวียนไหลเข้าสู่ธุรกิจในอนาคต
แม้คุณภาพหนี้จะยังอยู่ในระดับสูง แต่การขยายเวลาโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การไหลเข้าของรถสู่ธุรกิจประมูลชะลอตัว บริษัทฯ จึงจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งแผนเพิ่มคู่ค้าทางธุรกิจทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เพื่อรองรับสถานการณ์และสร้างโอกาสในการเติบโตต่อไป