อธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้แจงปม “ทราย สก๊อต” ยอมรับมีปัญหาการทำงาน มีแนวโน้มไม่ต่อสัญญาที่ปรึกษา วอนสังคมพิจารณาข้อเท็จจริง
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดราม่าที่เกี่ยวข้องกับ “ทราย สก๊อต” ที่ปรึกษาอธิบดีฯ โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักอุทยานแห่งชาติ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ จากพื้นที่
นายอรรถพล ยืนยันว่า ไม่มีการปิดกั้นหรือสั่งห้ามทราย สก๊อต เข้าพื้นที่อุทยานฯ แต่อย่างใด ยังคงมีสิทธิเข้าได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องดำเนินการขออนุญาตเจ้าหน้าที่และหัวหน้าอุทยานฯ ให้ถูกต้องตามระเบียบ
เมื่อถูกถามถึงแนวโน้มผลการพิจารณาว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบ อธิบดีกรมอุทยานฯ ยอมรับว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พบว่าการทำงานร่วมกันมีปัญหาในเรื่องของทัศนคติที่ไม่ตรงกัน การไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และการเหยียบย่ำกัน ซึ่งถือเป็นเหตุผลที่ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้ยาก
“เรื่องนี้หากรถทัวร์จะลงกรมอุทยานฯ ก็ขอให้พิจารณาตามข้อเท็จจริง” นายอรรถพลกล่าว และย้ำว่า “การทำงานร่วมกันไม่ว่าจะเป็นทราย สก๊อต หรือองค์กรใดก็ตาม หากไม่ยอมรับข้อผิดพลาดว่าควรต้องปรับปรุงอย่างไร มีข้อผิดพลาดอย่างไร ก็ควรจะต้องถอยออกจากการทำงานร่วมกัน”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายถึงการไม่ต่อตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ หรือไม่ นายอรรถพล ระบุว่า มีแนวโน้มเช่นนั้น ซึ่งตำแหน่งที่ปรึกษาดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน นี้
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทราย สก๊อต ถือเป็นนักอนุรักษ์ที่ช่วยงานได้ดี แต่ในระยะหลัง เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น การเข้าพื้นที่โดยนำบุคคลภายนอกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้มีการตักเตือนไปหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ ยังมีการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมกับหัวหน้าอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่อีกหลายครั้ง จนนำไปสู่ปัญหาที่เกิดขึ้น
ในส่วนของการถ่ายทำคลิปหรือรายการเพื่อนำเสนอเรื่องราวในพื้นที่อุทยานฯ อธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้แจงว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหัวหน้าอุทยานฯ สามารถทำได้หากได้รับการอนุญาต เพื่อนำไปลงในโซเชียลมีเดีย
อย่างไรก็ตาม การถ่ายทำคลิปที่ออกสู่สาธารณะและส่งผลกระทบต่อกลุ่มบุคคลหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าจะมีข้อเท็จจริงหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและควรระมัดระวัง โดยเฉพาะในเรื่องที่สร้างความขัดแย้งหรือความแตกแยกในสังคม ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และกรมอุทยานฯ ก็ไม่ต้องการให้เรื่องในลักษณะนี้เผยแพร่ออกไป