แม่ทัพภาค 4 แถลงประณามเหตุกราดยิง นราธิวาส ดับเด็ก 9 ขวบ-แม่ตาบอด ย้ำป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม
ปัตตานี – เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ประณามเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ถูกหยิบยกมาแถลง ประกอบด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 โดยในเวลาประมาณ 15.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถจักรยานยนต์ 3 คัน กราดยิงใส่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 3 ราย ได้แก่ นายดำ จันทร์คง อายุ 46 ปี, ด.ญ.สสิดา จันทร์คง อายุ 9 ปี และนายแดง ตุนาสุข อายุ 58 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายภาคีไนย รังเสาร์ อายุ 29 ปี และนายเชาว์ จันทร์คง อายุ 44 ปี ซึ่งเหยื่อผู้เสียชีวิตรวมถึงเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ สร้างความเสียใจและความโกรธแค้นให้กับสังคมอย่างยิ่ง
ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.30 น. ได้เกิดเหตุการณ์ลอบยิงขึ้นอีกจุดในพื้นที่บ้านไอร์บือตอ หมู่ 4 และบ้านไอรโชร์ หมู่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายได้ลอบยิงหญิงชราซึ่งตาบอด ขณะที่ลูกชายกำลังพาไปโรงพยาบาล ส่งผลให้หญิงชราผู้เป็นแม่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าควบคุมพื้นที่ ตรวจสอบ และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุทั้งสองจุดทันทีหลังได้รับรายงาน และได้กล่าวประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยเน้นย้ำว่า “เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน และไร้ความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ที่สามารถลั่นไกใส่ผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่มีทางสู้ได้ลงคอ”
แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ช่วงหลังวันที่ 18 เมษายน 2568 เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เริ่มจากการลอบยิงผู้นำศาสนา ซึ่งมีกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามบิดเบือนข้อมูลว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้เกิดการตอบโต้รุนแรงหลายครั้งตามมา เช่น การยิงที่สถานีตำรวจโคกเคียน, การยิงประชาชนไทยพุทธที่อำเภอแว้ง, เหตุยิงพระสงฆ์และสามเณรขณะบิณฑบาต รวมถึงเหตุการณ์ยิงซ้ำอีกสองครั้งที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
เพื่อตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในพื้นที่ โดยได้ระงับการลาของเจ้าหน้าที่ทุกนาย เน้นย้ำการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา กำชับให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางในพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งให้ตรวจสอบและเสริมกำลังในจุดที่ยังคงมีความไม่เพียงพอ โดยให้ความสำคัญกับการป้องกันในช่วงเวลาละหมาดค่ำ (เวลา 19.00 น. ถึง 20.00 น.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุอาศัยเป็นจังหวะในการก่อเหตุรุนแรง
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังเร่งดำเนินการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด โดยยืนยันว่ามีเบาะแสและร่องรอยของผู้ก่อเหตุแล้ว พล.ท.ไพศาล ยังได้ขอความร่วมมือจากประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ให้ร่วมกันเป็นหูเป็นตา และขอให้มีความมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่
ด้าน ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ในฐานะผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ได้กล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ใช้แนวทางสันติในการแก้ไขปัญหา และขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อกัน โดยเฉพาะพี่น้องชาวมุสลิม ขอให้ยึดถือตามคำแนะนำของจุฬาราชมนตรี ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่ดินแดนสงคราม พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ให้ได้อย่างยั่งยืนต่อไป