บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ประกาศเปิดโอกาสครั้งใหญ่ให้นักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งทั่วประเทศ รวมกว่า 2,500 ไร่ มูลค่าการลงทุนกว่า 28,800 ล้านบาท หวังยกระดับสนามบินไทยสู่ระดับโลก และสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ในภูมิภาคต่างๆ

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เปิดเผยภายในงาน “AOT Property Showcase: The Six Pillars of Opportunity” ว่า ทอท. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาท่าอากาศยานให้เป็นมากกว่าแค่ประตูสู่การเดินทาง แต่จะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยการเปิดพื้นที่ศักยภาพสูงให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนา

พื้นที่ที่เปิดให้ร่วมลงทุนมีทั้งสิ้น 46 แปลง ครอบคลุมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 2,512 ไร่ มูลค่าการพัฒนาโครงการรวมกว่า 28,800 ล้านบาท โดยจะเปิดให้พัฒนาในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาวสูงสุด 30 ปี ทั้งบนที่ราชพัสดุ (Leasehold) และที่ดินกรรมสิทธิ์ของ ทอท. เอง (Freehold)

โครงการพัฒนาที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกโอกาสทางธุรกิจ

ทำเลที่ตั้งของพื้นที่เหล่านี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ติดถนนสายหลัก ใกล้สนามบิน และเชื่อมโยงกับการคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ ทำให้เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการหลากหลายรูปแบบ เช่น:

• ศูนย์โลจิสติกส์และคลังสินค้า (Logistics & Warehouse)
• โรงแรมและที่พักอาศัย (Hotel & Residential Area)
• ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า (Convention Hall & Exhibition Center)
• ศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์ (Commercial & Lifestyle Complex)
• โรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพ (Medical Hub & Wellness Center)
• สนามกีฬา
• โครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City)

นางสาวปวีณากล่าวเสริมว่า โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) แห่งภูมิภาคเอเชีย และจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Hub) ในหลายพื้นที่ สร้างการจ้างงาน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจฐานราก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับท่าอากาศยานไทยในเวทีโลก

รายละเอียดที่ดินศักยภาพในแต่ละสนามบิน

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด ทอท. ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ศักยภาพในแต่ละสนามบิน:

– ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK):
    • แปลง “Airport Business” 4 แปลง (Leasehold) รวม 548 ไร่ ทำเลทองภายในสนามบิน ใกล้ศูนย์ขนส่ง เหมาะสำหรับ Medical Hub, Convention Hall, Hotel & Residential
    • แปลง “ศูนย์บริการและสนับสนุนกิจการท่าอากาศยาน” 7 แปลง (Freehold) รวม 462 ไร่ เชื่อมต่อถนนลาดกระบัง-วัดศรีวารีน้อย เหมาะสำหรับ Logistics & Transportation Hub, ศูนย์จัดการสินค้าเกษตร, Hotel & Residential

– ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK):
    • อาคาร Junction Building พื้นที่เชิงพาณิชย์ 12,000 ตร.ม. พร้อมที่จอดรถ รองรับการพัฒนาต่อเนื่องเป็นโรงแรมและอาคารจอดรถเพิ่มเติม

– ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (CNX):
    • ที่ดิน 3 แปลง (Leasehold) รวม 19 ไร่ ติดถนนเชียงใหม่-หางดง ใกล้อาคารผู้โดยสาร เหมาะสำหรับ Hotel & Residential, Office & Business Center, Commercial & Lifestyle Complex

– ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI):
    • ที่ดินแปลงใหญ่ 762 ไร่ ติดถนนเชื่อมต่อเมืองและสนามบิน เหมาะสำหรับ Hotel & Residential, Office & Business Center, Commercial & Lifestyle Complex, Premium Outlet, Logistics & Transportation Hub

– ท่าอากาศยานภูเก็ต (HKT):
    • ที่ดิน 7 แปลง (Freehold) รวม 192 ไร่ ใกล้ถนนเทพกษัตรี-ในยาง ทำเลติดถนนหลักสู่ตัวเมือง เหมาะสำหรับ Hotel & Residential, Convention Hall, Medical Hub & Wellness Center

– ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (HDY):
    • ที่ดิน 4 แปลงใหญ่ 15 แปลงย่อย (Leasehold) รวม 502 ไร่ ทั้งภายในและภายนอกสนามบิน ติดถนนหลัก เหมาะสำหรับ Hotel & Residential, Office & Business Center, Commercial & Lifestyle Complex, Logistics & Transportation Hub

เปิดกว้าง โปร่งใส พร้อมอำนวยความสะดวก

นายศิโรตม์กล่าวทิ้งท้ายว่า ทอท. เตรียมอัตราค่าเช่าที่ดินที่เหมาะสม เริ่มต้นตั้งแต่ 4 บาท/ตารางวา/เดือน ถึง 240 บาท/ตารางวา/เดือน พร้อมจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น และเสนอรูปแบบธุรกิจที่ยืดหยุ่น กระบวนการโปร่งใส ยุติธรรม และพร้อมอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลโดยตรงแก่นักลงทุน รวมถึงจัดกิจกรรม Property Tour พาเยี่ยมชมพื้นที่จริง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุน.