กรุงเทพฯ – ข่าวดีสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ ที่เฝ้ารอการยกระดับสถานะและสวัสดิการ ล่าสุดร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. … ได้มีความคืบหน้าสำคัญ เมื่อรัฐบาลได้ส่งร่างกฎหมายฉบับนี้ไปยังสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับพี่น้อง อสม. กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. อสม. เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 รัฐบาล โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ดำเนินการส่งร่างกฎหมายฉบับนี้ไปยังประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปรัฐบาล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากร่าง พ.ร.บ. แล้ว ยังได้ส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย พร้อมเอกสารหลักฐานการรับฟังความคิดเห็น และแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง เพื่อประกอบการพิจารณาของสภาฯ และวุฒิสภาในขั้นตอนต่อไป

นางสาวตรีชฎา กล่าวเน้นย้ำถึงนโยบายและเจตจำนงอันแน่วแน่ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการสร้างขวัญกำลังใจและสวัสดิการแก่ อสม. ให้ได้รับการรับรองสถานภาพและสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม ในฐานะผู้เสียสละและเป็นกำลังสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนในระดับฐานราก

บทบาทที่สำคัญของ อสม. ได้รับการพิสูจน์แล้วในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างปี 2563 – 2565 ซึ่ง อสม.กว่า 1 ล้านคน ได้เป็นด่านหน้าในการช่วยเหลือประชาชน ทำให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายมาได้ ส่วนหนึ่งก็ด้วยความทุ่มเทของ อสม. ที่ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 1,090,163 คน

ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ไม่เพียงแต่จะกำหนดสวัสดิการต่างๆ แต่ยังมีการปรับปรุงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น อสม. ด้วย หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาและประกาศใช้ จะทำให้ อสม. มีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน ไม่ต้องอาศัยเพียงระเบียบปฏิบัติเช่นในปัจจุบัน

การมีกฎหมายรองรับไม่เพียงแต่จะสร้างความสุขและขวัญกำลังใจให้กับ อสม. ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในชุมชนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีไปถึงคนในครอบครัวของ อสม. ซึ่งรวมแล้วนับสิบล้านคน ที่พร้อมจะสนับสนุนและให้กำลังใจ อสม. ในการทำงานเพื่อประโยชน์ของหมู่บ้านและชุมชนมากยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีว่าการ สธ. มีความมุ่งมั่นที่จะประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาเป็นไปตามขั้นตอนโดยเร็วที่สุด และจะพยายามผลักดันให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้เป็นกฎหมายให้ได้ทันภายในปี 2568 เพื่อตอบสนองความคาดหวังของพี่น้อง อสม. และครอบครัวหลายสิบล้านคนที่กำลังรอคอยกฎหมายฉบับประวัติศาสตร์นี้