อนุทิน สั่งคาดโทษผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ปมแต่งตั้ง ‘ชาวจีน’ เป็นที่ปรึกษา ชี้ไม่เหมาะสม-สิ้นเปลือง
ปราจีนบุรี – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาตำหนิผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีอย่างเปิดเผย กรณีการแต่งตั้งบุคคลสัญชาติจีนเป็นที่ปรึกษาประจำตัวผู้ว่าฯ โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมและสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน
การแต่งตั้งที่เป็นประเด็นนี้ ซึ่งถูกยกเลิกไปอย่างรวดเร็วหลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชน ได้สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในความสัมพันธ์ไทย-จีน ท่ามกลางการตรวจสอบผลประโยชน์ทางธุรกิจของชาวต่างชาติในประเทศไทยที่เข้มงวดขึ้น
ชนวนความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้นเมื่อเพจข่าวบน Facebook ชื่อ CSI LA ได้เผยแพร่เอกสารราชการลงวันที่ 21 เมษายน 2568 แสดงคำสั่งแต่งตั้งบุคคลสัญชาติจีนเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โดยระบุว่าที่ปรึกษาผู้นี้จะให้ข้อเสนอแนะและคำแนะนำในประเด็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการจังหวัด
ผู้ว่าฯ ขอโทษประชาชน
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ได้จัดการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ภายหลังจากที่ได้มีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งดังกล่าวเมื่อวันที่ 29 เมษายน โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางราชการ
“ผมขอยอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และถือเป็นบทเรียนว่าการดำเนินการใดๆ ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ขอรับรองว่าจะไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก และหวังว่าพี่น้องประชาชนจะให้อภัย ผมจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเพื่อประโยชน์ของชาวจังหวัดปราจีนบุรีต่อไป” ผู้ว่าฯ วีระพันธ์ กล่าว
เหตุผลการแต่งตั้ง: อีอีซีและเมืองคู่แฝดจีน
ต่อมา สำนักงานจังหวัดปราจีนบุรี ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวว่า
“จังหวัดปราจีนบุรีได้รับการร้องขอจากหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคเอกชนในพื้นที่ ให้มีการส่งเสริมความสัมพันธ์กับเมืองคู่แฝด คือ เมืองฉางชุน (มณฑลจี๋หลิน) และเมืองตงก่วน (มณฑลกวางตุ้ง) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และการผลิตภาคอุตสาหกรรม
ด้วยเหตุนี้ จังหวัดจึงได้แต่งตั้ง นาย Juncheng Zhu ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ประจิน ลาเท็กซ์ จำกัด เป็นที่ปรึกษา เนื่องจากท่านมีความเชี่ยวชาญทั้งภาษาไทยและภาษาจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานความร่วมมือดังกล่าว”
แถลงการณ์ยังระบุต่อไปว่า ในขณะที่จังหวัดปราจีนบุรีเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาภายใต้โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ภาคเอกชนในพื้นที่ได้เสนอให้มีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติเพื่อมาช่วยให้คำปรึกษาในการวางแผนพัฒนาจังหวัด
จังหวัดชี้แจงว่าไม่มีเจตนาที่ไม่ดีในการแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีน แต่เพียงต้องการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเมืองคู่แฝดของจีน
“ภายหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อต่างๆ จังหวัดจึงได้พิจารณาและมีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งดังกล่าวเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 และได้รายงานเรื่องนี้ต่อกระทรวงมหาดไทย จังหวัดปราจีนบุรีขออภัยพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอย่างสูง และยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากการแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติแต่อย่างใด” แถลงการณ์สรุป
ขณะเดียวกัน นายสมบัติ สิทธิมงคล อายุ 56 ปี ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ อีกท่านหนึ่ง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และขอความเข้าใจให้กับผู้ว่าฯ โดยอ้างว่าผู้ว่าฯ ไม่มีเจตนาที่ไม่ดี
อนุทิน ชี้ สิ้นเปลืองกระดาษราชการ
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ระบุว่าผู้ว่าฯ ปราจีนบุรีสมควรถูกตำหนิ โดยได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตักเตือนและคาดโทษในเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ท่านอนุทินกล่าวเสริมว่า การแต่งตั้งที่ปรึกษาต่างๆ เป็นการสิ้นเปลืองกระดาษราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดควรมีวุฒิภาวะ พร้อมปัดตกข้ออ้างที่นำเรื่องพื้นที่อีอีซีมาเป็นเหตุผลในการแต่งตั้ง
ฉลองครบรอบฯ สู่ความตึงเครียด
แม้ว่าประเทศไทยและจีนจะมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ใกล้ชิด ซึ่งในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต แต่กลับมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในปี 2568 ที่ทำให้บรรยากาศการเฉลิมฉลองต้องมีประเด็นความตึงเครียดแทรกเข้ามา ซึ่งรวมถึงกรณีดาราสาวชาวจีน หวัง ซิง ที่มีส่วนพัวพันกับการหลอกลวงในเมียนมาจนนำไปสู่การปราบปราม และกรณีที่ไทยส่งตัวผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปยังประเทศจีน ซึ่งถูกประณามโดยสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป
นอกจากนี้ เหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม หลังเกิดแผ่นดินไหวในเมียนมา ก็มีส่วนทำให้เกิดความตึงเครียด เนื่องจากอาคารดังกล่าวสร้างโดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง China Railway No. 10 และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งกรณีนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนพิเศษ