วันที่ 11 เมษายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงมหาดไทยถึงกรณีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ว่า อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานการช่วยเหลือฉุกเฉินซึ่งได้รับงบทดรองฉุกเฉินจากกรมบัญชีกลาง 200 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากความเสียหายที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ อธิบดี ปภ. ยังรายงานด้วยว่าจะมีการปรับค่าช่วยเหลือจัดงานศพกรณีผู้เสียชีวิต จากรายละ 20,000 บาท เป็น 100,000 บาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบโดยหลักการจากกรมบัญชีกลางแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเอกสารจะเริ่มทำให้เร็วที่สุด ส่วนผู้บาดเจ็บที่เข้าข่ายทุพพลภาพก็จะมีค่าตอบแทน ซึ่งตนให้นโยบายไปว่าให้ช่วยเหลือเยียวยาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ให้เกินวงเงิน และเป็นการใช้งบประมาณของรัฐให้มีประสิทธิภาพรวมถึงเป็นประโยชน์สูงสุดด้วย

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า กรณีกรมโยธาธิการและผังเมืองลงพื้นที่ตรวจสอบได้รับรายงานเป็นรายสัปดาห์ ขณะนี้พอจะเห็นเหตุผลประกอบขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่สามารถฟันธงอะไรได้ เพราะหากฟันธงทันทีอาจจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ถูกกล่าวหา เพราะฉะนั้นต้องได้รับการยืนยัน และพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ หลักทางวิศวกรรมให้ชัดเจน เพื่อทำรายงานและดำเนินการตามบทกฎหมายต่อไป

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นวิศวกร มีการคาดการณ์หรือไม่ว่าสาเหตุของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเกิดจากอะไร นายอนุทิน ตอบว่า มีหลายสาเหตุ แต่ก็ต้องนำมาประกอบกัน และเป็นเรื่องคณะกรรมการตรวจสอบ หากพูดไปจะเป็นลักษณะในการชี้นำ เราต้องรอให้คณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ในแวดวงวิชาการ สังคม และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ที่ไม่สามารถมีใครโน้มน้าวหรือชี้นำได้ แต่มีการบอกเหตุเบื้องต้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ตนก็ได้ย้ำถามไปว่าสรุปได้เลยหรือไม่ แต่ทางคณะกรรมการตรวจสอบตอบกลับมาว่ายังไม่สามารถสรุปได้ เป็นเพียงสารตั้งต้น และจะเอาประเด็นนี้ขยายผลต่อไป รับรองว่าจะต้องเห็นสาเหตุ

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า ระดับศาสตราจารย์ทางวิศวกรรมศาสตร์ ถ้าท่านเขียนรายงานออกมาก็จะต้องมีข้อพิสูจน์ วิทยาศาสตร์ก็ต้องมีข้อพิสูจน์ในการคำนวณเพื่อที่จะไม่ให้ใครโต้แย้งหรือเห็นต่างได้ เพราะการคำนวณด้วยหลักวิทยาศาสตร์ไม่ต้องใช้เรื่องการสันนิษฐาน จะออกมาเป็นหลักทางวิศวกรรมศาสตร์ ทางคณิตศาสตร์ทุกอย่าง เป็นที่ชัดเจน