กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นว่างบประมาณในการปรับปรุงอาคารรัฐสภาอาจไม่มีความคุ้มค่า โดยท่าน สส. อนุสรณ์ ได้ให้ข้อเสนอแนะที่น่าสนใจต่อประเด็นนี้

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าในการพิจารณาเรื่องงบประมาณของสภาฯ ทุกฝ่ายควรเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบได้มีโอกาสชี้แจงข้อมูลอย่างเต็มที่ แทนที่จะรีบตัดสินไปก่อนว่าส่วนใดของงบประมาณนั้นเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสม มากไปหรือน้อยไป เราต้องยอมรับความจริงว่าอาคารรัฐสภาในปัจจุบันไม่ได้ใช้เพียงแค่ สส. หรือบุคลากรทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาดูงาน และมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองด้วย

ดังนั้น การปรับปรุงอาคารรัฐสภาอาจมีความจำเป็นเพื่อรองรับการใช้งานของประชาชนเหล่านั้น ท่าน สส. อนุสรณ์ ย้ำว่า เราไม่ควรด่วนสรุปว่าการใช้งบประมาณดังกล่าวแพงหรือไม่จำเป็นโดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผล หรือรับทราบข้อมูลอย่างรอบด้าน

รองประธาน กมธ. รายนี้ กล่าวต่อไปว่า ทุกฝ่ายควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง หรือที่เรียกว่า ‘ฟังหูไว้หู’ ควรให้เวลา พื้นที่ และโอกาสแก่ฝ่ายเลขาธิการสภาฯ ในการนำเสนอข้อมูลและชี้แจงต่อสังคม เราไม่ควรตั้งสมมติฐานแต่แรกว่าทุกเรื่องจะต้องมีความไม่สุจริตหรือไม่โปร่งใส แต่ควรตั้งต้นจากการพิจารณาว่าการปรับปรุงอาคารรัฐสภามีความจำเป็นจริงหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

หากการชี้แจงสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าการปรับปรุงอาคารนั้นเป็นประโยชน์จริง ก็ควรมีการนำข้อมูลรายละเอียด ตัวเลขงบประมาณ และราคากลาง มาเปิดเผยและพิจารณาร่วมกันอย่างละเอียด ซึ่งในส่วนของคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ ที่มี สส. จากทุกพรรคการเมืองร่วมอยู่ด้วย ก็เล็งเห็นถึงประโยชน์ในการปรับปรุงส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จ หรือส่วนที่หากได้ปรับปรุงแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าในภาพรวม

นายอนุสรณ์ กล่าวย้ำว่า เราไม่ควรรีบด่วนวินิจฉัยว่าเรื่องใดควรหรือไม่ควร คุ้มหรือไม่คุ้มค่า แต่ควรนำสัญญา ความจำเป็นเร่งด่วน และข้อมูลตัวเลขต่างๆ มาพิจารณาประกอบกัน พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ในการรับฟังเหตุผลจากผู้เกี่ยวข้องอย่างใจที่เป็นธรรม เช่น หากราคาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในราคากลาง ไม่ได้สูงเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ แต่การปรับปรุงนั้นสามารถเพิ่มแรงจูงใจหรือสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์และควรพิจารณา

ท่าน สส. ยังกล่าวถึงการทำงานของข้าราชการหรือเลขาธิการสภาฯ ว่า บางส่วนที่รับผิดชอบในปัจจุบันอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานมาตั้งแต่ต้น ทำให้ต้องใช้เวลาในการสืบค้นข้อมูลและเรื่องราวที่ผ่านมา ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินหรือวินิจฉัย ควรให้เวลาและโอกาสในการชี้แจง พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อประกอบการพิจารณาอย่างรอบด้าน

นายอนุสรณ์ กล่าวย้ำทิ้งท้ายว่า การตัดสินใจใดๆ ควรอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล เหตุผล และความจำเป็นที่แท้จริง ไม่ใช่การตัดสินไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้ฟังคำชี้แจงหรือเห็นข้อมูลทั้งหมด.