อุดรธานี – เรื่องราวสุดทึ่งถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังคุณนะโม บ้านช่างทอง ได้โพสต์คลิปลงใน TikTok @namobanchangtongdaengso0 เผยเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่ง (คุณป้า) ซึ่งได้นำแผ่นทองคำปริศนาจำนวนมากมาให้ตรวจสอบ หลังบังเอิญขุดพบขณะกำลังถอนหญ้าในไร่มันสำปะหลังของตนเอง

คุณป้าเล่าว่า ขณะที่ตนกำลังทำไร่มันสำปะหลังอยู่นั้น เกิดฝนตกหนัก ซึ่งคาดว่าน้ำฝนได้เซาะหน้าดินออกไป ทำให้บังเอิญพบสิ่งผิดปกติบางอย่าง เมื่อตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นแผ่นโลหะสีทองจำนวนหนึ่ง จึงเก็บมาและสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไร และมีอายุกี่ปี เป็นทองคำจริงหรือไม่ จึงได้นำมาให้คุณนะโม บ้านช่างทอง ช่วยตรวจสอบ

คุณนะโมได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นและเปิดเผยว่า จากผิวสัมผัสของแผ่นโลหะดังกล่าว มีความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ งานเคลือบชุบทองเหลือง หรือไม่ก็เป็นทองคำแท้ เพื่อให้ได้ความชัดเจน จึงได้เลือกแผ่นโลหะบางชิ้นไปทำการเอ็กซเรย์เพื่อวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมี

ผลการเอ็กซเรย์สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าแผ่นโลหะเหล่านี้มีส่วนประกอบของทองคำจริง โดยมีเปอร์เซ็นต์ทองคำแตกต่างกันไป ในชิ้นแรกพบทองคำ 58%, เงิน 39% และทองแดง 2% ส่วนอีกชิ้นมีเปอร์เซ็นต์ทองคำสูงกว่าเดิม ซึ่งสรุปได้ว่าแผ่นโลหะที่พบทั้งหมดนี้คือ ทองคำแท้

สิ่งที่ทำให้คุณนะโมและผู้ที่ได้เห็นคลิปต้องอึ้งไปกว่านั้น คือเมื่อลองจัดเรียงและสังเกตลวดลายบนแผ่นทองคำอย่างละเอียด ก็พบว่ามีลายรูปองค์พระปรากฏอยู่ รวมถึงอักขระขอมโบราณ คุณนะโมระบุว่า นี่คืองาน “บุทองสมัยโบราณ” ซึ่งสันนิษฐานว่าทองคำเหล่านี้อาจเคยใช้หุ้มองค์พระที่สร้างจากดินมาก่อน เมื่อเวลาผ่านไป ดินอาจถูกกัดเซาะหรือละลายไปตามธรรมชาติ เหลือไว้เพียงแผ่นทองคำที่ถูกค้นพบนี้ ซึ่งบ่งบอกถึงความเก่าแก่และคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง

เมื่อชั่งน้ำหนักรวมของแผ่นทองคำทั้งหมด พบว่ามีน้ำหนักถึง 63.07 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับทองคำหนักประมาณ 4 บาทเลยทีเดียว แม้เปอร์เซ็นต์ทองคำจะไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% แต่ด้วยความที่เป็นวัตถุโบราณและมีส่วนผสมของโลหะมีค่าอื่นๆ คุณนะโมได้ประเมินมูลค่าแผ่นทองคำโบราณชุดนี้อยู่ที่ 92,790 บาท

อย่างไรก็ตาม คุณนะโมได้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าจะไม่นำแผ่นทองคำโบราณเหล่านี้ไปหลอมเพื่อขายเป็นเงิน แต่ได้ตัดสินใจขอซื้อจากคุณป้าในราคา 100,000 บาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงกว่าราคาประเมินเล็กน้อย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำแผ่นทองคำที่มีมวลสารโบราณนี้ไปใช้ประโยชน์ในพระพุทธศาสนา อาจจะนำไปถวายตามพระธาตุต่างๆ หรือใช้ในการสร้างสิ่งอันเป็นกุศลต่อไป

คุณนะโมกล่าวถึงความสำคัญของสิ่งนี้ว่า “เรื่องนี้มันไม่ใช่ธรรมดา” การค้นพบสิ่งโบราณเช่นนี้เชื่อว่าต้องเป็นผู้ที่มีบุญบารมีเท่านั้นจึงจะพบเจอได้ หากเป็นคนอื่นที่พบเจอแล้วไม่ทราบถึงคุณค่า อาจจะนำไปหลอมหรือขายเป็นเงินไปโดยไม่เสียดาย ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และตัวเองก็ไม่กล้าที่จะทำด้วย

คุณนะโมยังได้แนะนำคุณป้าเจ้าของไร่มัน ให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการขาย ไปทำบุญหรือตั้งศาลพระภูมิตรงจุดที่ค้นพบ เพื่อเป็นที่ระลึกว่าบริเวณนั้นเคยมีการค้นพบสมบัติอันทรงคุณค่านี้ นอกจากนี้ การได้เห็นแผ่นทองโบราณลายองค์พระในครั้งนี้ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คุณนะโมตั้งใจว่าจะต้องเดินทางไปนมัสการพระธาตุพนมให้ได้

ท้ายที่สุด คุณนะโมได้นำเศษแผ่นทองคำทั้งหมดมาจัดเรียงอย่างระมัดระวัง และพบว่าสามารถจัดเรียงให้เห็นรูปองค์พระได้ถึง 5 องค์ ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุโบราณที่ถูกซ่อนอยู่ในดินแดนไทยมาอย่างยาวนานเรื่องนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การค้นพบสมบัติ แต่ยังสะท้อนถึงความผูกพันระหว่างผู้คน ประวัติศาสตร์ และความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอีกด้วย