ฮือฮา! กรมศิลปากรขุดพบ ‘แผ่นทองดุนพระพุทธรูป’ และเครื่องประดับโบราณ อายุกว่า 1,300 ปี ใต้ฐานพระนอนโคราช
นครราชสีมา – กรมศิลปากรสร้างความฮือฮาในวงการโบราณคดีอีกครั้ง หลังเปิดเผยการค้นพบโบราณวัตถุล้ำค่าจำนวนมาก รวมถึงแผ่นทองดุนรูปพระพุทธรูป และเครื่องประดับโบราณหลากชนิด ทั้งทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุกว่า 1,300 ปี การค้นพบครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นใต้ฐานพระนอน วัดธรรมจักรเสมาราม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เผยให้เห็นอารยธรรมโบราณในพื้นที่
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 (ตามรายงาน) ว่า ได้รับรายงานจาก นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เกี่ยวกับการขุดพบโบราณวัตถุระหว่างการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานพระนอน วัดธรรมจักรเสมาราม โดยการค้นพบนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะเตรียมการตัดความชื้นใต้ดินที่ระดับความลึกประมาณ 1.30 เมตร
จากการขุดค้นในวันดังกล่าว พบเครื่องประดับทำด้วยโลหะบรรจุในภาชนะดินเผาที่สภาพไม่สมบูรณ์ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นเครื่องประดับที่ทำจากโลหะประเภทสำริด เงิน และทองคำ มีจำนวนทั้งสิ้น 33 รายการ อาทิ แหวนทอง ต่างหูเงิน และเครื่องประดับสำริดรูปทรงต่างๆ โดยเฉพาะต่างหูแบบห่วงเกลียว ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับต่างหูทองคำที่เคยพบในแหล่งโบราณคดีภูเขาทอง จังหวัดระนอง และแหล่งโบราณคดีท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน การขุดค้นได้พบโบราณวัตถุเพิ่มเติมที่ทำด้วยทอง ตะกั่ว และชิน (โลหะผสมที่มีส่วนผสมของตะกั่วและดีบุก) จำแนกออกเป็น 3 รายการหลัก ได้แก่:
รายการที่ 1: แผ่นทองดุนรูปพระพุทธรูป มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ขนาดกว้าง 8 เซนติเมตร สูง 12.5 เซนติเมตร แผ่นทองนี้ดุนเป็นรูปพระพุทธรูปประทับนั่ง พระเศียรมีประภามณฑลล้อมรอบ เม็ดพระศกขมวดก้นหอยเม็ดใหญ่ พระกรรณยาว พระเนตรเหลือบต่ำ พระโอษฐ์หนา ครองจีวรห่มเฉียง พระกรซ้ายกำชายจีวร ส่วนพระกรขวาทำวิตรรกมุทรา (ปางแสดงธรรม) นั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัว บริเวณกึ่งกลางด้านขวาของแผ่นทองมีการเจาะรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.3 เซนติเมตร สันนิษฐานว่าสำหรับร้อยสายเพื่อห้อยหรือผูก
รายการที่ 2: แผ่นชิน หรือ ตะกั่ว ดุนรูปพระพุทธรูป มีลักษณะรูปทรงซุ้มโค้ง สภาพชำรุดด้านขวาของแผ่นหักหายไป ขนาดกว้าง 11.5 เซนติเมตร สูง 15.5 เซนติเมตร แผ่นนี้ดุนเป็นรูปพระพุทธรูปยืนตรง พระเศียรมีประภามณฑลล้อมรอบเป็นเม็ดไข่ปลา เม็ดพระศกใหญ่ขมวดเป็นก้นหอย พระขนงต่อกันเป็นรูปปีกกา พระนาสิกใหญ่ แย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย ครองจีวรห่มคลุมบางแนบเนื้อ พระกรทั้งสองทำวิตรรกมุทรา (ปางแสดงธรรม) โดยมีรูปบุคคลเบื้องขนาบข้างด้านซ้าย สันนิษฐานว่าเป็นพระพรหม เบื้องต้นเปรียบเทียบได้กับแผ่นโลหะดุนรูปพระพุทธรูปศิลปะแบบทวารวดีที่พบที่วัดพระประโทณ จังหวัดนครปฐม
รายการที่ 3: เป็นก้อนดินที่มีแผ่นโลหะฝังอยู่ภายในจำนวน 3 ชิ้น โดยแผ่นโลหะซ้อนเป็นชั้นๆ สลับกับแผ่นปูนบางๆ ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดเนื่องจากมีสภาพชำรุด โดยตำแหน่งที่ขุดพบก้อนดินนี้อยู่บริเวณด้านหลังพระเศียรขององค์พระนอน
อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้รับมอบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่พบทั้งหมดมาเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด จัดทำบัญชี และอนุรักษ์เบื้องต้นแล้ว การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และอารยธรรมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและลุ่มน้ำมูลตอนบนเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงกับอารยธรรมทวารวดีในภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งแสดงถึงเครือข่ายการติดต่อสัมพันธ์ที่กว้างขวางในอดีต