กรุงเทพฯ – สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี มีคำสั่งปรับเงินสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นจำนวนเงินรวม 20,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 672,680 บาท จากเหตุการณ์ที่แฟนบอลจุดพลุแฟลร์และระบบรักษาความปลอดภัยบกพร่อง ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชายหาดรายการสำคัญที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเอฟซี บีช ซอคเกอร์ เอเชียน คัพ 2025 รอบคัดเลือก นัดสุดท้ายของกลุ่ม A ระหว่างทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติคูเวต เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ สนามจอมเทียน บีช อารีน่า เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเกมนั้นทีมชาติไทยเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4 ต่อ 3

คำสั่งปรับเงินจากเอเอฟซี แบ่งออกเป็น 2 ข้อหาหลัก ได้แก่ การที่แฟนบอลจุดพลุแฟลร์ในสนามแข่งขัน ปรับเป็นเงินจำนวน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ และข้อหาบกพร่องในระบบการรักษาความปลอดภัยภายในสนามแข่งขันอีกจำนวน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20,000 เหรียญสหรัฐฯ

สำหรับประเทศไทยนั้น ได้รับความไว้วางใจจากเอเอฟซีให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชียต่อเนื่องมาแล้ว 3 ครั้ง คือในปี 2019, 2023 และครั้งล่าสุดในปี 2025 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เคยถูกปรับเงินจากเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันคือการที่แฟนบอลจุดพลุแฟลร์ไปแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ รวมเป็นเงินจำนวน 70,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,354,380 บาท

เมื่อรวมกับยอดการปรับเงินล่าสุดอีก 20,000 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ตลอดการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชียทั้ง 3 ครั้ง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถูกปรับเงินจากกรณีแฟนบอลจุดพลุแฟลร์และปัญหาที่เกี่ยวข้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 90,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,027,060 บาท

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย และการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อห้ามในการนำอุปกรณ์จุดประกายไฟหรือพลุแฟลร์เข้าสู่สนามแข่งขัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายของสมาคมฯ ในอนาคต