กรุงเทพฯ – ความคืบหน้าการสอบสวนคดีทุจริตเงินวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ซึ่งกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้ามาดูแล หลังพบความเชื่อมโยงกับอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือ “แย้ม อินทร์กรุงเก่า” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

ล่าสุด ทาง บก.ปปป. ได้เร่งขยายผลตรวจสอบเชิงลึก โดยพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของวัดไร่ขิง ซึ่งมีรายได้จากหลายช่องทาง ทั้งตู้บริจาคจำนวนมากถึง 185 ตู้ภายในวัด, การจำหน่ายอาหารปลาและเครื่องสังฆทาน, ร้านจำหน่ายวัตถุมงคล, ค่าเช่าที่ธรณีสงฆ์ และค่าประมูลแผงขายของในงานประจำปีของวัดที่จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า วัดไร่ขิงมีรายได้หมุนเวียนต่อปีสูงถึงประมาณ 100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบยังพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินจากบัญชีวัดหลายรายการ โดยเฉพาะการเบิกเงินที่ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเชื่อมโยงจากบัญชีวัดไปยังบัญชีอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานการเบิกค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่สูงเกินจริง โดยมีรายงานว่าค่าใช้จ่ายจริงอยู่ที่ประมาณเดือนละ 800,000 บาท แต่กลับมีการเบิกเงินออกจากบัญชีวัดสูงกว่า 1 ล้านบาทในหลายครั้ง

พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนถึงพฤติกรรมของ นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส ว่ามักจะมีการเบิกเงินจำนวนมากในเวลากลางคืนจนถึงกลางดึก โดยบางครั้งมีจำนวนสูงถึงหลักแสนถึงหลักล้านบาท ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย

นอกจากนี้ การสอบสวนยังพุ่งเป้าไปที่ฝ่ายการเงินของวัด ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเงินทุกอย่าง โดยเฉพาะผู้ต้องหาหญิงที่ถูกระบุว่าเป็น “หมอเตย” ซึ่งมีหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าทำหน้าที่จัดการด้านการเงินทั้งหมดของวัด มีรายงานว่า หมอเตย ยังมีธุรกิจส่วนตัว ทั้งค่ายเพลงและรีสอร์ตในจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกัน

ขณะนี้ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลพิจารณาออกหมายจับ “หมอเตย” ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ต่อไป ส่วนการตรวจสอบบัญชีอื่นๆ ของวัด ทั้งบัญชีมูลนิธิวัดไร่ขิง บัญชีส่วนตัวของนายแย้ม รวมถึงบัญชีกฐินและกิจกรรมต่างๆ ของวัด ก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายคดีทุจริตเงินวัดครั้งใหญ่นี้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์