กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังทราบข่าวที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เตรียมยื่นฟ้องร้องตนเองในข้อหาบิดเบือนทำให้เกิดความเสียหาย

นางกุสุมาลวตี กล่าวแสดงความยินดีต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าตนได้เตรียมการไว้แล้ว และเข้าใจดีว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกยกระดับขึ้นถึงขั้นที่อาจนำไปสู่กระบวนการยุบพรรค ย่อมมีสมาชิกที่ได้รับผลกระทบและรู้สึกเดือดร้อน การถูกฟ้องถือเป็นเรื่องปกติที่คาดการณ์ไว้ ตนได้เตรียมตรวจสอบเอกสารและข้อมูลต่างๆ อย่างถี่ถ้วน จึงไม่มีความรู้สึกหวาดกลัว “เมื่อเรากล้าที่จะชน ก็กล้าที่จะเจ็บ และรู้ว่าจะเจอกับอะไร” นางกุสุมาลวตีกล่าวยืนยัน พร้อมแสดงความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นการปกป้องประชาธิปไตย

เธอกล่าวเน้นย้ำว่า ข้อมูลและประจักษ์พยานในเรื่องนี้ “ช็อกโลก ช็อกประชาชนคนไทย” มีเส้นทางการเงินและจำเลยเกี่ยวข้องจำนวนมาก รวมถึงบุคคลที่เตรียมฟ้องตน ซึ่งตนเชื่อว่ามีข้อมูลการสืบสวนสอบสวนที่ชัดเจนและแน่นหนาพอสมควร จึงมีความกล้าที่จะมายื่นเรื่องในครั้งนี้

นอกจากนี้ นางกุสุมาลวตี ยังได้ตอบโต้กรณีที่อีกฝ่ายมีการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าตนไปพูดขอต่างๆ ทั้งที่ความจริงตนไม่ได้มีการกระทำเช่นนั้นเลย เธอจึงตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องร้องกลับเช่นกัน โดยได้เตรียมทนายความไว้พร้อมแล้ว และมีกำหนดจะยื่นฟ้องในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้

ผู้ที่จะถูกฟ้องคือ นางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยระบุว่าล่าสุดมีหลายประเด็นที่ทั้งสองท่านได้ดูถูกและด้อยค่าตนเอง จึงจะรวมทุกประเด็นมาฟ้องพร้อมกัน

“ต้องบอกว่าตนฟ้องใครไม่เคยแพ้ และขอบอกว่าไม่ได้ชิงฟ้องก่อน แต่ตั้งใจจะฟ้องอยู่แล้ว และไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะเราทำถูก คนทำถูกไม่กลัวคนทำผิด คนทำผิดแล้วมาฟ้องคนทำถูกก็ไม่เป็นไร ฟ้องเลย” นางกุสุมาลวตีกล่าวอย่างหนักแน่น

ต่อคำถามเกี่ยวกับประเด็นที่เธอเคยพูดถึงเรื่องความเสี่ยงถึงขั้นชีวิต เธอกล่าวว่าต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและอำนาจ ซึ่งบางครั้งคนดีก็ต้องระมัดระวังตัวจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี

ในส่วนนี้ นางกุสุมาลวตี เปิดเผยว่าตนได้ยื่นเรื่องขอความคุ้มครองพยานไว้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว แต่เชื่อว่าหากตนเปิดหน้าชนและทำในสิ่งที่ถูกต้อง อีกฝ่ายอาจจะไม่กล้าดำเนินการใดๆ ในทางร้าย แต่หากตนหลบๆ ซ่อนๆ อาจเป็นอันตรายได้ “ถ้าเราตายไปหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนจงเชื่อว่า เกิดจากอีกฝั่งหนึ่ง” เธอกล่าวทิ้งท้าย พร้อมยืนยันว่าไม่กลัวความตาย เพราะมั่นใจและเชื่อว่าสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว