ช็อกทั้งร้าน! ลูกค้าประจำจองคิวทำเล็บกลางดึก ก่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เจ้าของเผยคำพูดเพื่อน ‘ตายตาไม่หลับ’ กลายเป็นลางสยอง
ช็อกทั้งร้าน! เจ้าของร้านทำเล็บย่านราม 2 เปิดใจเรื่องราวสุดสะเทือนใจ หลังลูกค้าประจำผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะเดินทางมาทำเล็บกลางดึก โดยเพื่อนเผยคำพูดสุดท้ายของเธอคือ ‘ถ้ายังไม่ได้ทำเล็บ จะนอนตายตาไม่หลับ’ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพศพที่ญาติเห็น สร้างความประหลาดใจและพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์
จากกรณีที่ผู้ใช้ Facebook ชื่อ Cher Ryn ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน “Prapai Nails & Eyelashs” ย่านราม 2 บางนา ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์สุดช็อกและสะเทือนใจ หลังลูกค้าประจำคนหนึ่งได้ทักมาจองคิวทำเล็บในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่กลับประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างทาง ก่อนที่จะเดินทางมาถึงร้านตามนัด
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ คือประโยคสุดท้ายที่ผู้เสียชีวิตได้พูดกับเพื่อนก่อนเดินทางออกจากบ้านว่า “ถ้ายังไม่ได้ทำเล็บ จะนอนตายตาไม่หลับ” ซึ่งเรื่องน่าประหลาดคือสภาพศพที่ญาติพบเห็นนั้น “ตายตาไม่หลับ” จริงๆ ทำให้หลายคนเชื่อว่าอาจเป็นเพราะความกังวลใจเรื่องการทำเล็บตามที่เธอได้กล่าวไว้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 คุณเฌอพรรณพิภาภร เทพพิทักษ์ เจ้าของร้านทำเล็บ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ “ข่าวสดออนไลน์” โดยเล่าว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูกค้าประจำที่มาใช้บริการบ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดที่ได้ให้บริการคือในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากครั้งนั้น คุณเฌอพรรณพิภาภร ตั้งใจว่าจะไม่รับคิวลูกค้าคนนี้อีกแล้ว เนื่องจากในอดีต ลูกค้ามักจะมาทำเล็บในสภาพที่ไม่พร้อม เช่น ครั้งแรกที่มา รถล้มตัวถลอกมาทำเล็บ ครั้งที่สองมาในสภาพเมาหมดสติให้นอนทำ และหลายครั้งก็มาแบบเมาและโวยวาย หรือไม่ก็รีบเร่ง
คุณเฌอพรรณพิภาภร บอกว่า ได้เคยตักเตือนและแสดงความห่วงใยลูกค้าคนนี้อยู่เสมอ อยากให้มีสติในการเดินทางและการใช้ชีวิต และเคยบอกไปแล้วว่า ทางร้านไม่ซีเรียสหากจะมาเลท แต่ขอให้แจ้งล่วงหน้าเพื่อจะได้บริหารจัดการคิวลูกค้าคนอื่นไม่ให้เสียเวลา
จนกระทั่งล่าสุด ลูกค้าได้ทักมาจองคิวอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม และจะเข้ามาทำในช่วงกลางดึกของคืนวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม ประมาณตีหนึ่ง เนื่องจากร้านเปิดบริการ 24 ชั่วโมง คุณเฌอพรรณพิภาภร จึงตัดสินใจลองรับคิวอีกครั้ง โดยคิดว่าครั้งนี้ลูกค้าคงจะมาในสภาพที่มีสติ แต่เมื่อถึงเวลานัด ลูกค้าก็ไม่ได้มา ทางร้านจึงปล่อยคิวไป และไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก เนื่องจากลูกค้าคนนี้เคยจองแล้วไม่มาตามนัดอยู่แล้วครั้งหนึ่ง จึงคิดว่าครั้งนี้อาจจะติดปัญหาบางอย่างและยังไม่ได้แจ้ง
เวลาต่อมา มีคนทักข้อความมาหาคุณเฌอพรรณพิภาภร ผ่านทาง Line ของร้าน พร้อมกับส่งภาพแคปหน้าจอโพสต์จากเฟซบุ๊กของผู้เสียชีวิตมาให้ และสอบถามว่าบุคคลในภาพเคยทักจองคิวกับทางร้านหรือไม่ ซึ่งในตอนแรก คุณเฌอพรรณพิภาภร ก็ยังไม่คิดอะไรมาก อาจคิดว่าเป็นช่างร้านอื่นที่ถูกเทคิว หรืออาจเป็นเจ้าหนี้ที่ตามหาตัวอยู่
จึงได้ตอบกลับไปตามตรงว่า ลูกค้าคนดังกล่าวได้จองคิวไว้แต่ไม่ได้มา จากนั้น ผู้ที่ทักมาก็สอบถามต่อว่า “รับทำเล็บนอกสถานที่มั้ยคะ?” คุณเฌอพรรณพิภาภร ก็ตอบว่ารับ พร้อมให้รายละเอียด เงื่อนไข และราคาค่าบริการไปตามปกติ ปลายทางก็ตอบรับ พร้อมส่งโลเคชันมาให้ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน พร้อมบอกว่าจะให้พิเศษ
แต่สิ่งที่ทำให้คุณเฌอพรรณพิภาภร รู้สึกแปลกใจอย่างมาก คือโลเคชันที่ส่งมานั้นเป็น “วัด” และระบุเพิ่มเติมว่าให้ไปที่ “ศาลา 5” ตอนแรกยังเข้าใจว่าบ้านของลูกค้าอาจจะอยู่ใกล้วัด หรืออาจปักหมุดไม่ตรง จึงสอบถามกลับไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่า สรุปแล้วให้เดินทางไปทำเล็บที่ไหน
คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ช็อกจนพูดไม่ออก คือคำถามว่า “พี่ทำเล็บศพมั้ยคะ?” คุณเฌอพรรณพิภาภร ยอมรับว่าตกใจมาก เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ตอนแรกคิดว่าอาจถูกแกล้งหรืออำเล่น แต่เมื่อปลายทางเริ่มเล่าเรื่องราวประกอบ จึงเริ่มเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง
โดยผู้ที่ติดต่อมา ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ได้เล่าว่า ผู้เสียชีวิตตั้งใจจะเดินทางมาทำเล็บที่ร้านของคุณเฌอพรรณพิภาภร จริงๆ หลังจากที่ดื่มเสร็จแล้ว แม้เพื่อนๆ จะพยายามห้ามไว้หลายครั้ง แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะไปให้ได้ พร้อมกับพูดประโยคสุดสะเทือนใจกับเพื่อนๆ ว่า “ถ้าไม่ได้ทำเล็บ จะนอนตายตาไม่หลับ” สุดท้ายก็ตัดสินใจออกจากจุดที่ดื่มเพื่อจะเดินทางมาที่ร้าน แต่กลับมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างทาง และที่น่าตกใจคือ ญาติยืนยันว่าสภาพศพนั้น “ตาไม่หลับ” จริงๆ ทำให้คนรอบข้างเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตอาจจะยังคงเป็นห่วงเรื่องการทำเล็บอยู่ตามที่เธอได้กล่าวไว้ ก่อนที่ญาติจะเล่าเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตได้มาเข้าฝัน และฝากความต้องการว่าอยากให้ร้านนี้ร้านเดียวเป็นผู้ทำเล็บให้เป็นครั้งสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม คุณเฌอพรรณพิภาภร จำเป็นต้องขอปฏิเสธคำขอจากญาติ ด้วยเหตุผลส่วนตัวคือเป็นคนขี้กลัวมาก และขณะนี้ร่างกายก็กำลังป่วยอยู่ด้วย จึงกังวลว่าหากเดินทางไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจ เนื่องจากในการทำเล็บต้องใช้เวลานาน และตนเองก็ไม่สามารถสัมผัสมือกับร่างที่เสียชีวิตเป็นเวลานานๆ ได้ คุณเฌอพรรณพิภาภร จึงได้เสนอทางเลือกอื่นไปคือ จะทำเล็บปลอมเป็นชุดให้ญาตินำไปติดให้แทน ซึ่งตนเองยินดีจัดให้เต็มที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
คุณเฌอพรรณพิภาภร ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนารังเกียจหรือบ่ายเบี่ยงใดๆ เพียงแต่อยากให้เข้าใจในมุมของตนเอง หากไม่ใช่คนขี้กลัว ตนเองยินดีเดินทางไปทำให้แน่นอน เพราะผู้เสียชีวิตก็เป็นลูกค้าประจำที่มาทำบ่อย ตนเองก็อยากให้น้องได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีอย่างสงบ และขออโหสิกรรมหากตนเองได้ทำอะไรตกหล่นไปด้วยความไม่ตั้งใจ