สุดละมุน! เจ้าหน้าที่ศูนย์สัตว์ป่า สวมชุดหมีป้อนนมลูกหมีดำตัวน้อย ป้องกันติดคน ก่อนคืนสู่ป่า

แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา – รายงานข่าวจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ระบุถึงภารกิจสุดพิเศษของเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่ทุ่มเทดูแลลูกหมีดำวัยเพียง 2 เดือน ด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการสวม ‘ชุดหมี’ เต็มตัวขณะดูแล

สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ซานดิเอโก (San Diego Humane Society) ได้เปิดเผยเรื่องราวของลูกหมีตัวน้อยตัวนี้ โดยระบุว่าเป็นลูกหมีที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยเข้ารับการดูแลที่ศูนย์สัตว์ป่าแห่งนี้ ลูกหมีถูกพบเดินหลงลำพังอยู่ในป่าแห่งชาติลอสปาเดรส (Los Padres National Forest) ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2568 ซึ่งทางกรมประมงและสัตว์ป่าแคลิฟอร์เนีย (California Department of Fish and Wildlife – CDFW) ยังไม่สามารถติดตามหาแม่ของมันได้ ทำให้ไม่สามารถจัดการให้แม่ลูกกลับมาอยู่ด้วยกันได้

ในช่วงแรกที่ถูกนำส่งศูนย์ ลูกหมีอยู่ในสภาพอ่อนแรงและผอมแห้ง แต่ด้วยความใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมงาน ทั้งการให้อาหารตลอดทั้งวันทั้งคืน การดูแลจากทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และความรักที่มอบให้ ทำให้สุขภาพของลูกหมีตัวนี้เริ่มฟื้นตัวและดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับ

สิ่งที่น่าสนใจและเป็นหัวใจสำคัญของภารกิจนี้คือวิธีการดูแล โดยทางศูนย์ได้เผยแพร่วิดีโอที่แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ซึ่งสวม ‘ชุดหมี’ อยู่ตลอดเวลาขณะดูแลและป้อนนมลูกหมี ทางศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าได้อธิบายถึงเหตุผลเบื้องหลังว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการ ‘เลียนแบบพฤติกรรมของแม่หมี’ และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ‘ช่วยไม่ให้ลูกหมีเกิดความผูกพันหรือคุ้นเคยกับมนุษย์มากจนเกินไป’

เป้าหมายหลักของการดูแลลูกหมีด้วยวิธีพิเศษนี้คือ การเตรียมความพร้อมเพื่อ ‘ปล่อยลูกหมีกลับสู่ธรรมชาติ’ เมื่อมันเติบโตแข็งแรงพอที่จะเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวเอง โดยไม่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะความคุ้นเคยกับมนุษย์

เจ้าหน้าที่ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากมีลูกหมีตัวอื่นที่ถูกทิ้งและเข้ามาอยู่ในศูนย์ดูแลที่อื่นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางกรมประมงและสัตว์ป่า (CDFW) อาจพิจารณาจับคู่ลูกหมีทั้งสองตัวให้อยู่ด้วยกัน เพื่อให้พวกมันยังคงมีพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ป่า และลดความเสี่ยงที่จะผูกพันกับมนุษย์

ในระหว่างนี้ ลูกหมีดำตัวนี้ยังคงได้รับการดูแลอย่างดีและพัฒนาสุขภาพอย่างต่อเนื่องในศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า ด้วยความหวังว่าในอนาคตอันใกล้ มันจะแข็งแรงพอที่จะกลับไปใช้ชีวิตอิสระในผืนป่าตามธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *