นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568) ว่ามียอดจัดเก็บรวม 996,458 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการและช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้รัฐบาลอยู่ในเกณฑ์ดีประกอบด้วย 1) การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคในประเทศ 2) การนำส่งรายได้เหลื่อมปีจากรัฐวิสาหกิจบางแห่ง และ 3) การนำส่งเงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลที่สูงกว่าประมาณการ

อย่างไรก็ตาม มีบางปัจจัยที่ส่งผลลบต่อรายได้ ได้แก่ การคืนภาษีของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณการ และการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีลดลง รวมถึงผลกระทบจากมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับผลการจัดเก็บของ 3 กรมภาษีหลักในช่วง 5 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 พบว่า:

• กรมสรรพากร มียอดจัดเก็บ 795,334 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 29,216 ล้านบาท และเกินเป้า 8,676 ล้านบาท (1.1%)
• กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้ 216,163 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 2,415 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าเป้า 13,415 ล้านบาท (5.8%)
• กรมศุลกากร จัดเก็บได้ 47,806 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,990 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้า 2,994 ล้านบาท (5.9%)

ด้านฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด พบว่ารัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 996,092 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ 1,788,468 ล้านบาท โดยรัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 544,753 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ 239,416 ล้านบาท

กระทรวงการคลังระบุว่าจะติดตามและบริหารการจัดเก็บรายได้ให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศต่อไป