ครม. เคาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท! ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน-ท่องเที่ยว-ชุมชน หวังอัดฉีดเม็ดเงินทั่วประเทศ
กรุงเทพมหานคร – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 (อ้างอิงตามเนื้อหาต้นฉบับที่ระบุการประชุมคณะกรรมการฯ วันที่ 19 พฤษภาคม และการเสนอ ครม. ภายในเดือนมิถุนายน) ได้มีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยแผนดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แผนนี้มีเป้าหมายสำคัญในการกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รักษาการจ้างงาน และวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทนี้ จะใช้งบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยครอบคลุมการลงทุนและมาตรการในหลากหลายมิติ ดังนี้
1. โครงสร้างพื้นฐาน
- ด้านน้ำ: เน้นโครงการป้องกันอุทกภัย กักเก็บน้ำสำหรับฤดูแล้ง กระจายน้ำสู่ชุมชนและภาคเกษตร รวมถึงพัฒนา/ปรับปรุงระบบประปา
- ด้านคมนาคม: แก้ปัญหาคอขวด เพิ่มความปลอดภัย ปรับปรุงจุดตัดรถไฟ-ถนน สร้าง/ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุก และพัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การผลิต
2. การท่องเที่ยว
- ปรับปรุง/พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
- พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกและยกระดับความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว (เช่น ติดตั้ง CCTV ในเมืองท่องเที่ยวหลัก)
- กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะในเมืองรอง
3. ลดผลกระทบภาคการส่งออก/เพิ่มผลิตภาพ
- ด้านการเกษตร: ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เพิ่มผลิตภาพ และปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม
- ด้านแรงงาน: สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการส่งออก เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน
- ด้านดิจิทัล: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อรองรับรัฐบาลดิจิทัลและการค้าระหว่างประเทศ
4. เศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ
- กองทุนหมู่บ้าน (SML): สนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่
- โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน: ดำเนินโครงการตามความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่
- การพัฒนาทุนมนุษย์: ลงทุนด้านการศึกษา เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ
ในส่วนของการกำกับติดตามผล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน จะเป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อติดตามและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการฯ อย่างใกล้ชิด
สำหรับระยะเวลาดำเนินการ หน่วยรับงบประมาณจะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการและคำของบประมาณภายในเดือนพฤษภาคม 2568 เสนอผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา ก่อนนำเสนอ ครม. อนุมัติภายในเดือนมิถุนายน 2568 จากนั้นสำนักงบประมาณจะพิจารณาและจัดสรรงบประมาณให้ภายในเดือนกรกฎาคม 2568
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการเร่งใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะสร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ และก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ควบคู่กับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยลงทุนในทุนมนุษย์ ปรับปรุงกฎเกณฑ์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ รัฐบาลจะติดตามแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด