ตำรวจเจอ “เส้นทางเจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียนหายตัวปริศนา สามียังไม่มั่นใจในความปลอดภัยจนกว่าจะเจอตัว

ความคืบหน้าการหายตัวปริศนา “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน จ.สุราษฎร์ธานี สามียังไม่วางใจ แม้ตำรวจพบเส้นทางจากกล้องวงจรปิด

จากกรณีที่ น.ส.สุจิตรา กุลจันทร์ หรือ “เจ๊แก้ว” อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของแผงทุเรียนรายใหญ่ในตลาดโพธิ์หวาย ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา หลังเสร็จสิ้นการขายทุเรียนที่แผงของเธอ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยเจ๊แก้วได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพักซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลให้กับครอบครัว ญาติมิตร และชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการหายตัวไปอย่างกะทันหันและผิดปกติ

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับกรณีการหายตัวไปของเจ๊แก้ว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 พบว่าที่แผงทุเรียนของเจ๊แก้วในตลาดโพธิ์หวาย ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยมี นายพงศ์พันธ์ หรือ “แอน” อายุ 44 ปี สามีของ น.ส.สุจิตรา อยู่ที่ร้าน เพื่อคอยติดตามความคืบหน้าและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ

นายพงศ์พันธ์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า ตนพอจะทราบข่าวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเส้นทางที่ น.ส.สุจิตรา ใช้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปในคืนที่หายตัวไปได้ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งการทราบเส้นทางดังกล่าวช่วยคลายความกังวลใจไปได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นายพงศ์พันธ์ กล่าวต่อไปว่า แม้จะทราบเส้นทางแล้ว ตนก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าภรรยาของตนจะปลอดภัยดี ตราบใดที่ยังไม่พบตัวหรือได้รับการติดต่อกลับมา ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ตนยังคงรู้สึกเป็นห่วงและไม่สบายใจอย่างยิ่ง

สามีของเจ๊แก้วยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไล่ติดตามจากกล้องวงจรปิดได้นั้น เป็นเส้นทางที่ตนและภรรยาใช้สัญจรไปมาระหว่างแผงทุเรียนกับบ้านพักอยู่เป็นประจำ ตนพยายามนึกทบทวนว่าในบริเวณเส้นทางดังกล่าวจะมีบ้านลูกค้าหรือคนสนิทของภรรยาที่เธออาจแวะไปหาหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบมาในช่วงหลังๆ ไม่มีบ้านญาติพี่น้องของภรรยาอยู่ในเส้นทางนั้นเลย ทำให้ตนยังคงสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

นายพงศ์พันธ์ ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหวังว่า หาก น.ส.สุจิตรา ได้เห็นข่าวนี้และยังคงปลอดภัยดี ตนและลูกๆ รวมถึงคนในครอบครัวทุกคนต่างเป็นห่วงและรอคอยการกลับมา ขอให้เธอได้โปรดติดต่อกลับมาหาลูกๆ หรือคนในครอบครัวโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหนก็ตาม

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ในวันที่หายตัวไป เจ๊แก้วได้สวมใส่เครื่องประดับทองคำติดตัวอยู่ประมาณ 20 บาท ซึ่งเป็นข้อมูลอีกส่วนที่ทำให้เกิดความกังวลในหลายๆ ด้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน และระดมกำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเส้นทางที่ตรวจสอบพบจากกล้องวงจรปิด รวมถึงสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและนำตัว น.ส.สุจิตรา กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *