พระรามสองอีกแล้ว! ปูนหล่นใส่กระจกรถแตกร้าว สาวขับผวาเหมือนเอาชีวิตมาเสี่ยง
เกิดเหตุการณ์สุดระทึกบนถนนพระรามสองอีกครั้ง เมื่อเศษปูนขนาดใหญ่ร่วงหล่นจากสะพาน ตกลงใส่กระจกรถยนต์ของหญิงสาวรายหนึ่ง จนแตกร้าวทั้งบาน ผู้เสียหายโพสต์ระบายความรู้สึกช็อกและกังวลต่อความปลอดภัยในการใช้เส้นทาง พร้อมตั้งคำถามถึงความรอบคอบของผู้รับเหมา
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อว่า “สุด คนึง” ได้โพสต์เล่าประสบการณ์สุดช็อกที่เกิดขึ้นกับตนเอง ขณะกำลังขับรถอยู่บนถนนพระรามสอง บริเวณช่วงทางลงทางด่วนขาออก ก่อนถึงโครงการเดอะนิช ไอดี พระราม 2 จู่ๆ ก็มีเศษวัสดุซึ่งระบุว่าเป็นหินปูนขนาดใหญ่ ร่วงหล่นลงมาจากโครงสร้างด้านบนกระแทกเข้าที่บริเวณกระจกหน้ารถอย่างจัง ทำให้กระจกแตกร้าวไปทั้งบาน สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นอย่างมาก
ผู้โพสต์ระบุข้อความด้วยความรู้สึกตกใจและไม่พอใจอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า “ในที่สุดก็เกิดขึ้นกับตัวเอง… หินปูนร่วงลงจากสะพานพระราม 2 ช่วงทางลงทางด่วนขาออก (บริเวณก่อน เดอะนิช ไอดี พระราม 2) ทุกอย่างเกิดจากความสะเพร่าของผู้รับเหมา ที่สักแต่เจาะ แต่ไม่มีความรอบคอบระมัดระวัง”
เธอยังได้กล่าวถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งต่อทรัพย์สินและเวลาที่ต้องเสียไป พร้อมทั้งแสดงความกังวลอย่างหนักต่อความปลอดภัยในการใช้เส้นทางดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและปรับปรุงมาอย่างยาวนาน โดยระบุว่า “สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินและเวลา นี่ดีแค่ไหนที่ไม่ถึงชีวิต ขับรถทุกวันนี้ ระวังหน้า-หลัง ยังไม่พอ ต้องเอาชีวิตมาสุ่มเสี่ยงกับของที่จะตกมาจากข้างบนอีก” แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมากของผู้ใช้รถใช้ถนน
ภายหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.บางมด และดำเนินการเรื่องประกันภัยกับบริษัท วิริยะประกันภัย ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้เข้ามาดูแลและให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ผู้โพสต์ได้แสดงความขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้ามา “รับจบ” ให้ แต่ก็ยังคงทิ้งท้ายด้วยความกังวลและเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้รับเหมา ให้เพิ่มความระมัดระวังและความรอบคอบในการทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียที่ร้ายแรงกว่านี้ได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำถึงปัญหาด้านความปลอดภัยบนถนนพระรามสองที่ยังคงเป็นที่กังวลของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่งหามาตรการที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้เส้นทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน