บีโอไออนุมัติลงทุนแสนล้านบาท ดาต้าเซ็นเตอร์-พลังงานสะอาด เคาะมาตรการชุดใหญ่เสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย ดันท่องเที่ยวเมืองรอง
บีโอไอไฟเขียวลงทุน 7 โครงการใหญ่ 1 แสนล้านบาท พร้อมออกมาตรการยกระดับเศรษฐกิจไทย
กรุงเทพฯ – นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ โดยบอร์ดบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการสำคัญรวม 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1 แสนล้านบาท ประกอบด้วย กิจการ Data Center และกิจการพลังงานหมุนเวียน
สำหรับกิจการ Data Center ที่ได้รับการอนุมัติมีจำนวน 5 โครงการ ดังนี้
- บริษัท วิสตัส เทคโนโลยี จำกัด เงินลงทุน 6,854 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
- บริษัท บริดจ์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ไอไอไอ (ประเทศไทย) จำกัด เงินลงทุน 14,452 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
- บริษัท กาแล็คซี่ พีค ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 23,553 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง
- บริษัท กาแล็คซี่ ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 22,313 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง
- บริษัท ดิจิทัล เอดจ์ ดีซี (ประเทศไทย) จำกัด เงินลงทุน 24,522 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
ในส่วนของกิจการพลังงานหมุนเวียน ได้รับการอนุมัติ 2 โครงการ เป็นกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ได้แก่
- บริษัท อัลฟ่า วัน โปรเจค จำกัด เงินลงทุน 3,195 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชุมพร
- บริษัท อัลฟ่า ทู โปรเจค จำกัด เงินลงทุน 4,838 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นอกจากการอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่แล้ว บอร์ดบีโอไอยังได้เห็นชอบมาตรการสำคัญหลายด้าน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ และปรับกลยุทธ์การส่งเสริมการลงทุนให้เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน
มาตรการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย
- เพิ่มสิทธิประโยชน์เอสเอ็มอี: กิจการเอสเอ็มอีที่ลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการประหยัดพลังงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 5 ปี ในวงเงิน 100% ของเงินลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ จากเดิมที่ได้รับยกเว้นเพียง 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 50%
- งดส่งเสริมกิจการเสี่ยง: งดให้การส่งเสริมกิจการที่อาจมีปริมาณผลิตเกินความต้องการของตลาด (Oversupply) หรือกิจการที่มีความเสี่ยงต่อมาตรการทางการค้าของบางประเทศ เช่น กิจการผลิตเซลล์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ แบตเตอรี่กลุ่มตะกั่ว-กรด อุปกรณ์เสริมยานยนต์ กิจการตัดโลหะ รวมถึงกิจการเหล็กขั้นปลายบางชนิดที่งดส่งเสริมเพิ่มเติม
- เข้มงวดกระบวนการผลิต: เพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณากระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญ สำหรับบางกิจการที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากมาตรการการค้า เพื่อให้การผลิตสำหรับการส่งออกของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น โดยกำหนดว่าต้องมีการแปรสภาพวัตถุดิบหลักเป็นผลิตภัณฑ์อย่างเพียงพอ เช่น มีการเปลี่ยนพิกัดศุลกากรอย่างน้อยในระดับ 4 หลัก
- ปรับปรุงเงื่อนไขการจ้างงานบุคลากรต่างชาติ: กิจการผลิตที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนและมีการจ้างงานทั้งหมดตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จะต้องมีการจ้างบุคลากรไทยไม่น้อยกว่า 70% ของการจ้างงานทั้งหมด และกำหนดรายได้ขั้นต่ำของบุคลากรต่างชาติที่จะขอใช้สิทธิด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานกับบีโอไอ เพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งงานคนไทย และกระตุ้นการถ่ายทอดองค์ความรู้
มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการด้านการท่องเที่ยวในเมืองรอง (55 จังหวัด) สำหรับโครงการขนาดใหญ่และมีคุณภาพ เช่น สวนสนุก ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์เปิด ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ ท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) สนามแข่งขันยานยนต์ เป็นต้น
โดยกรณีการลงทุนตั้งสถานประกอบการในเมืองรอง 55 จังหวัด จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมเป็น 8 ปี จากเดิม 5 ปี และสำหรับกิจการโรงแรม หากตั้งในเมืองรอง 55 จังหวัด จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 5 ปี จากเดิม 3 ปี
มาตรการและโครงการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ยุคใหม่ ทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานสะอาด การเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการภายในประเทศ และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง.