ไทย-อินโดฯ ยกระดับ ‘หุ้นส่วนยุทธศาสตร์’ ผนึกกำลังฝ่าความผันผวนเศรษฐกิจโลก ดันสันติภาพเมียนมา
นายกฯ อิ๊งค์-ปธน.อินโดนีเซีย จับมือยกระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ยันไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพถก กมธ.การค้าร่วม ฝ่าความผันผวนเศรษฐกิจโลก หวังดันสันติภาพในเมียนมา
กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.20 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับนายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการหารือทวิภาคีเต็มคณะภายใต้กลไกหารือระดับผู้นำ (Leaders’ Consultation) ครั้งที่ 1 ซึ่งถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ในการหารือ ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยสำหรับการต้อนรับอันอบอุ่น พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีมาอย่างยาวนาน และแสดงความยินดีกับการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็น ‘หุ้นส่วนยุทธศาสตร์’ (Strategic Partnership) และเชื่อมั่นว่ากลไกหารือระดับผู้นำจะช่วยเร่งรัดความร่วมมือให้คืบหน้าอย่างรวดเร็ว โดยอินโดนีเซียพร้อมเป็นเจ้าภาพการหารือครั้งต่อไป และได้เชิญนายกรัฐมนตรีไทยเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในโอกาสที่เหมาะสม
ประธานาธิบดีปราโบโวยังได้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือชาวอินโดนีเซียที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ และพร้อมร่วมมือเต็มที่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมเชิญชวนภาคเอกชนไทยร่วมลงทุนในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ Danantara เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรัฐวิสาหกิจอินโดนีเซีย
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า ไทยเห็นว่าเรื่องความมั่นคงทางอาหารมีความสำคัญ จึงเสนอให้ต่ออายุบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการค้าข้าว และพร้อมจำหน่ายข้าวเพิ่มเติมให้แก่อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังพร้อมผลักดันการเปิดตลาดสินค้าเกษตร เนื้อสัตว์ ปศุสัตว์ และผลไม้สด พร้อมสนับสนุนการจัดตั้ง Halal Task Force เพื่อประสานมาตรฐานสินค้าฮาลาล และจัดตั้ง Working Group เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนอุตสาหกรรมประมงอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีไทยยังได้กล่าวถึงความร่วมมือด้านการลงทุน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย และคณะกรรมการประสานงานการลงทุนของอินโดนีเซีย (BKPM) ประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันและสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการแสวงหาโอกาสลงทุนในอินโดนีเซียเพิ่มเติม ทั้งสองฝ่ายเห็นควรเร่งสรุปบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารและยาให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ และเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการศึกษา โดยเฉพาะการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ต่อมาเวลา 11.20 น. นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของทั้งสองประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือในหลายสาขา เช่น ระบบสุขภาพปฐมภูมิ การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ความมั่นคงด้านยา การเงินการคลังด้านสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
หลังการหารือ น.ส.แพทองธาร ได้แถลงข่าวถึงผลการหารือ โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานกว่า 150 ปี ซึ่งมีหมุดหมายสำคัญคือการเสด็จประพาสเกาะชวาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2414 และการเยือนของประธานาธิบดีปราโบโวครั้งนี้ เป็นการยืนยันมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ในโอกาสเฉลิมฉลอง 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้
นายกรัฐมนตรีไทยประกาศด้วยความยินดีว่า ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น ‘หุ้นส่วนยุทธศาสตร์’ ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในมิติต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และในฐานะประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียนและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ไทยและอินโดนีเซียจะร่วมมือกันเสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียน ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนในเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก
ประเด็นสำคัญที่หารือร่วมกัน ได้แก่ ความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคง โดยเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนและหารือระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนปฏิบัติการหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ นอกจากนี้ กองทัพของทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และศึกษาแนวทางความร่วมมือในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า ตำรวจไทยและอินโดนีเซียจะร่วมมือกันอย่างแข็งขันในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยในปี 2567 การค้าระหว่างกันมีมูลค่าสูงถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการการค้าร่วม (Joint Trade Committee) ครั้งที่ 1 ภายในปีนี้ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานใกล้ชิดเพื่อแสวงหาโอกาสลงทุนใหม่ๆ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอบคุณประธานาธิบดีปราโบโวที่สนับสนุนบริษัทไทยในอินโดนีเซียมาโดยตลอด และขอให้ดูแลให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร จะมีการฟื้นฟูและส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ผลไม้ และปศุสัตว์ รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาล และศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นหุ้นส่วนด้านการทำประมงอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเพิ่มความร่วมมือด้านพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสีเขียว
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวประเภทต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ/เรือยอชท์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการจัดงาน MICE ทั้งยินดีต่อการเปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่างกรุงเทพฯ กับเมืองสุราบายาและเมดาน และเส้นทางระหว่างภูเก็ตกับเมดานในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงและการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลักของทั้งสองประเทศ โดยหน่วยงานการท่องเที่ยวจะหารือเพื่อทำการตลาดร่วมกัน และพิจารณาจุดหมายปลายทางอื่นที่มีศักยภาพเชื่อมโยงกัน
ในส่วนของสาธารณสุขและการศึกษา ไทยพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแก่อินโดนีเซีย ซึ่งไทยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2544 และเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการศึกษา
สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ไทยและอินโดนีเซีย ย้ำพันธกิจร่วมกันในการส่งเสริมความเป็นเอกภาพและแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ผันผวน จะร่วมผลักดันการรวมตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของอาเซียนให้ทั่วถึงและยั่งยืน รวมถึงเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชีย
นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกันในการเห็นเมียนมาเป็นประเทศที่สงบสุข มีเสถียรภาพและเป็นปึกแผ่น โดยไทยและอินโดนีเซีย ในฐานะมิตรที่ดีของเมียนมา จะร่วมมือกับมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ช่วยสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในเมียนมา โดยให้บทบาทของอาเซียนเป็นแกนนำ
ปิดท้ายด้วยการขอบคุณประธานาธิบดีปราโบโว สำหรับมิตรภาพอันอบอุ่น และหวังว่าจะได้มีโอกาสเยือนอินโดนีเซียในอนาคตอันใกล้นี้