กรุงเทพมหานคร, 18 พฤษภาคม 2568 – ปิดฉากลงอย่างสวยงามสำหรับการแข่งขันแบดมินตันระดับโลก รายการ เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 500 รายการ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025 ที่จัดขึ้น ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-18 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเภทชายเดี่ยว ที่แฟนแบดมินตันชาวไทยได้ร่วมลุ้นและส่งเสียงเชียร์กันอย่างกึกก้อง

ไฮไลท์สำคัญในวันนี้ (18 พฤษภาคม) อยู่ที่การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างสองนักแบดมินตันระดับท็อปของโลกและเป็นมือวางอันดับต้นๆ ของรายการ คือ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย มืออันดับ 2 ของโลก และมือวางอันดับ 1 ของรายการ ดวลกับ อันเดรส แอนทอนเซน มืออันดับ 3 ของโลก และมือวางอันดับ 2 ของรายการจากประเทศเดนมาร์ก

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยความตึงเครียด ทั้งกุลวุฒิและแอนทอนเซนต่างงัดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาสู้กันในเกมแรก ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำแต้มและวางแผนการเล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ท้ายที่สุดเป็น กุลวุฒิ ที่นิ่งกว่าในช่วงปลายเกม และสามารถปิดเกมแรกไปได้ด้วยสกอร์ 21-16 สร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองก่อน

เข้าสู่เกมที่สอง แอนทอนเซนไม่ยอมแพ้ เขาปรับกลยุทธ์และยกระดับการเล่นขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง เกมนี้ยังคงเป็นไปอย่างสูสี ผลัดกันนำผลัดกันตาม ชนิดที่แฟนๆ ต้องลุ้นทุกแต้ม อย่างไรก็ตาม อันเดรส แอนทอนเซน สามารถทำได้ดีกว่าในช่วงสำคัญ เอาชนะไปได้ในเกมที่สองด้วยสกอร์ 21-17 ทำให้การแข่งขันต้องยืดเยื้อไปตัดสินกันในเกมที่สาม ซึ่งถือเป็นเกมชี้ชะตาหาผู้ชนะ

ในเกมที่สาม กุลวุฒิแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ เขาเร่งฟอร์มและทำแต้มหนีห่างคู่แข่งชาวเดนมาร์กตั้งแต่ต้นเกม ด้วยการเล่นที่แม่นยำ ดุดัน และข้อผิดพลาดน้อยกว่า กุลวุฒิค่อยๆ ทำแต้มฉีกออกไปเรื่อยๆ ทิ้งห่าง อันเดรส แอนทอนเซน อย่างเห็นได้ชัด และสุดท้ายก็สามารถปิดเกมสุดท้ายไปได้อย่างเด็ดขาดด้วยสกอร์ 21-9

ชัยชนะในเกมที่สามนี้ ส่งผลให้ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คว้าชัยชนะเหนือ อันเดรส แอนทอนเซน ไปได้ 2 ต่อ 1 เกม (21-16, 17-21, 21-9) และผงาดคว้าแชมป์ชายเดี่ยว รายการ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนแบดมินตันชาวไทย

นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และเป็น การคว้าแชมป์รายการ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นครั้งที่สองของเจ้าตัว หลังเคยทำได้มาแล้วเมื่อปี 2566 (2023) การคว้าแชมป์ในบ้านเกิดต่อหน้าแฟนๆ ชาวไทยในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความสามารถและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของนักแบดมินตันมือ 2 ของโลกผู้นี้ได้เป็นอย่างดี และเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับการแข่งขันรายการต่อๆ ไปในอนาคต