สลด! ช้างป่าทำร้ายชายหาอึ่งเสียชีวิต ร่างกระเด็นตกท่อที่อุทัยธานี เมียร่ำไห้ เผยเพิ่งออกไปรอบสอง

อุทัยธานี – เกิดเหตุสลดที่อำเภอลานสัก ชายวัย 59 ปี ออกไปหาอึ่งช่วงกลางดึก ถูกช้างป่าทำร้ายอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต ร่างกระเด็นตกท่อระบายน้ำ ภรรยาผู้ตายร่ำไห้ เผยเพิ่งกลับจากหาอึ่งรอบแรกก่อนสามีจะออกไปคนเดียวอีกครั้ง

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ร.ต.อ.พรไพสนธิ์ กลัดเฟือง ร้อยเวร สภ.ลานสัก ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิตภายในท่อระบายน้ำ บริเวณริมถนน ห่างจากจุดตรวจทางแยกทุ่งแฝกประมาณ 30 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง ในหมู่ที่ 10 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี หลังรับแจ้งเหตุ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายสันต์ภพ อัศวประภาพงศ์ ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และนายอนุพันธ์ สารสุวรรณ กำนันตำบลระบำ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าปากท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ พบศพผู้เสียชีวิตนอนหงายอยู่ ทราบชื่อคือ นายฉลอ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ในสภาพที่น่าสลด ใกล้กันพบสวิงสำหรับช้อนอึ่งตกอยู่ และที่ตัวผู้ตายพบมีดปลายแหลมพร้อมฝัก 1 เล่ม

บริเวณริมถนนใกล้เคียง พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ข้อมูลในข่าวต้นฉบับไม่มีข้อมูลสี/ทะเบียน ขออิงตามที่แจ้งมา แต่แจ้งว่าทะเบียนอุทัยธานี) จอดล้มตะแคงอยู่ข้างทาง สภาพรถมีร่องรอยการถูกกระแทกอย่างแรง ที่ท้ายรถพบกระสอบบรรจุอึ่งอยู่ภายในเล็กน้อย บริเวณขอบท่อระบายน้ำ มีรอยเท้าช้างขนาดใหญ่ตะกุยดินลงไปในบ่อน้ำ และมีร่องรอยการเหยียบย่ำอย่างชัดเจนบนพื้นดินใกล้ปากท่อ นอกจากนี้ บนถนนและในป่าใกล้เคียง ยังพบร่องรอยของมูลช้างกระจายอยู่หลายจุด ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีช้างป่าเข้ามาในบริเวณดังกล่าว

จากการสอบถาม นางจำเริญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ยังอยู่ในอาการตกใจและร่ำไห้ไม่หยุด ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ของคืนวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนกับสามียังได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกมาหาอึ่งด้วยกันในบริเวณนี้ จนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. จึงพากันกลับบ้าน เนื่องจากคืนนั้นอึ่งยังไม่ออกมามาก ได้กลับมาเพียง 2 ตัว

นางจำเริญ กล่าวต่อว่า ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของเช้ามืดวันที่ 18 พฤษภาคม สามีของตนได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมาเพียงลำพังอีกครั้ง เพื่อมาจับอึ่งในรอบที่สอง กระทั่งมาทราบข่าวร้ายในช่วงเช้าจากชาวบ้านว่าพบสามีเป็นศพเสียชีวิตแล้ว

จากการเข้าตรวจสอบและพิสูจน์สภาพร่างผู้เสียชีวิตเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบมีรอยบาดแผลฉกรรจ์อยู่ที่บริเวณลำคอ ซึ่งเป็นบาดแผลที่น่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง สาเหตุเบื้องต้นคาดว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะเผชิญหน้ากับช้างป่าในช่วงกลางดึก เนื่องจากผู้ตายได้สวมใส่ไฟฉายคาดหน้าหมวกไว้ ทำให้ช้างมองเห็นแสงไฟและอาจตกใจหรือรู้สึกถูกคุกคาม จึงวิ่งเข้าใส่ คาดว่าช้างน่าจะใช้เท้าเตะเข้าที่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายอย่างแรง จนทำให้รถเสียหลักล้มลง และร่างของผู้ตายอาจกระเด็นตกลงไปในท่อระบายน้ำ หรือถูกช้างเข้าทำร้ายซ้ำขณะที่ตกลงไป ส่งผลให้ร่างบอบช้ำและได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะบาดแผลที่ลำคอ จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างน่าสลด

ด้าน นายอนุพันธ์ สารสุวรรณ กำนันตำบลระบำ ซึ่งเดินทางมาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และได้ขอซื้ออึ่งที่ผู้ตายจับมาได้ ซึ่งมีไม่ถึง 10 ตัว ในราคา 500 บาท เพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ป่า จากนั้นได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นจำนวน 20,000 บาท ให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันว่าจะเร่งหาแนวทางในการช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุเพิ่มเติมต่อไป

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า ที่ออกหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์ และอาจเผชิญหน้ากับชาวบ้านที่เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าหรือใกล้เคียง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียขึ้นอีกในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *