ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง พ.ต.อ.ทวี หยุดกำกับ DSI ชั่วคราว ปม สว.ร้องแทรกแซง กกต. คดีฮั้วเลือก สว.
ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำแหน่งรองประธานกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เข้าชื่อกันยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
คำร้องของ สว. ระบุข้อกล่าวหาว่า พ.ต.อ.ทวี ได้กระทำการแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ ซึ่งในที่นี้คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเด็นการแทรกแซงที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงกับการที่ กกต. กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ที่มีข้อสงสัยเรื่องการ ‘ฮั้ว’ หรือการสมยอมในการเลือก สว.
สถานการณ์ปัจจุบัน คณะกรรมการการเลือกตั้งกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ สว. กลุ่มใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. โดยได้มีการออกหมายเรียก สว. จำนวน 55 คน เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงประธานและรองประธานวุฒิสภาด้วย
การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ รมว.ยุติธรรม ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่ สว. กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ยื่นร้อง โดยอ้างว่ามีการแทรกแซง กกต. ในระหว่างที่ กกต. กำลังสอบสวนข้อกล่าวหาฮั้วเลือก สว. นั้น เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
ขณะเดียวกัน วุฒิสภาชุดปัจจุบันยังมีวาระสำคัญที่รอการพิจารณา คือ การให้ความเห็นชอบผู้ที่ผ่านการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่จำนวน 2 คน เพื่อทดแทนตุลาการที่กำลังจะหมดวาระ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมวุฒิสภาเพิ่งมีมติไม่ให้ความเห็นชอบผู้ที่ผ่านการสรรหาทั้ง 2 ราย ซึ่งคณะกรรมการสรรหาที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธานได้มีมติเอกฉันท์เห็นชอบคุณสมบัติและความเหมาะสมไปแล้ว
นอกเหนือจากวาระการแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568 คณะกรรมการการเลือกตั้ง 5 ใน 7 คนก็จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งหมายความว่าวุฒิสภาจะมีอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้ง กกต. ชุดใหม่อีกจำนวน 5 คน
ดังนั้น วุฒิสภาชุดนี้จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการแต่งตั้งองค์กรอิสระที่สำคัญถึงสองชุด คือ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน และ กกต. อีก 5 คน ในขณะเดียวกัน สว. อย่างน้อย 55 คนกำลังเผชิญข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดกฎหมายเรื่องการฮั้วเลือก สว. และยังมีแนวโน้มที่จะมี สว. อีกจำนวนมากที่อาจถูกเรียกมาชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งอาจสูงถึงร่วมๆ 100 คน
ข้อกล่าวหาเรื่องการฮั้วเลือก สว. เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ในส่วนของการดำเนินการของ กกต. ยังมีข้อกล่าวหาในความผิดฐานอั้งยี่และฟอกเงินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะที่ดีเอสไอเองก็กำลังมีความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้อง และใกล้ที่จะออกหมายเรียก สว. ที่เกี่ยวข้องกับคดีอีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้ รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคำร้องของ สว. แล้ว ก็เกิดคำถามตามมาว่า สว. กลุ่มที่กำลังถูกกล่าวหาว่าฮั้วเพื่อให้ได้เข้าสู่สภาฯ นั้น สมควรที่จะยังคงทำหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระอย่างตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและ กกต. หรือไม่?
และตั้งคำถามต่อไปว่า ในเมื่อ รมว.ยุติธรรม ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคำร้องของ สว. ที่เชื่อมโยงกับคดีฮั้ว สว. แล้ว สว. กลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้วเลือก สว. เองนั้น สมควรต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สว. หรือไม่?