ไรเดอร์ฉุนขาด! ชกนักท่องเที่ยวอินเดียเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม เจ็บหนักกลางพัทยา
พัทยา, ชลบุรี – เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นในเมืองพัทยา เมื่อไรเดอร์รายหนึ่งก่อเหตุใช้กำลังทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชายชาวอินเดียจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดจากการที่นักท่องเที่ยวมีอาการมึนเมา ปักหมุดจุดหมายปลายทางผิดพลาด และพยายามลวนลามไรเดอร์ ทำให้ไรเดอร์เกิดความโมโหและตัดสินใจทำร้ายร่างกาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 บริเวณภายในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยาได้รับแจ้งเหตุและรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา พร้อมนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน
ณ จุดเกิดเหตุ พบนักท่องเที่ยวชายสัญชาติอินเดีย อายุ 46 ปี อยู่ในอาการมึนเมาสุราอย่างหนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดจากการถูกทำร้าย โดยมีบาดแผลบริเวณคิ้วซ้ายและเบ้าตาแตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนที่จะรีบเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา
สำหรับผู้ก่อเหตุ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นไรเดอร์ ได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจะมาถึง อย่างไรก็ตาม พลเมืองดีในที่เกิดเหตุสามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุไว้ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเบาะแสสำคัญในการติดตามตัว
จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร โดยไรเดอร์ได้เล่าถึงสาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า นักท่องเที่ยวรายนี้มีอาการมึนเมาอย่างมาก ได้ปักหมุดสถานที่ปลายทางผิด ทำให้ไรเดอร์ต้องขับรถวนหาหลายครั้ง
จุดที่ทำให้สถานการณ์บานปลายและไรเดอร์ไม่สามารถทนต่อไปได้ คือเมื่อนักท่องเที่ยวผู้บาดเจ็บได้พยายามลวนลาม ลูบคลำตามร่างกาย และล้วงเข้าไปในเป้ากางเกงของไรเดอร์ ด้วยความโมโห ไรเดอร์จึงตัดสินใจจอดรถ และลงมือชกเข้าที่ใบหน้าของนักท่องเที่ยวรายนี้จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนจะหลบหนีไป
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้เก็บรวบรวมหลักฐาน รวมถึงภาพถ่ายของผู้ก่อเหตุจากพลเมืองดีไว้แล้ว และหลังจากที่นักท่องเที่ยวผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาตัวจนอาการดีขึ้นแล้ว จะเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์อย่างเป็นทางการกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบและดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป