คุยสันติภาพ ยูเครน-รัสเซีย ที่อิสตันบูล ‘ยังไม่คืบ’ ข้อตกลงสำคัญ เห็นพ้อง ‘แลกเชลยศึก 1,000 คน’
อิสตันบูล, ตุรกี – การหารือโดยตรงครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ระหว่างคณะผู้แทนระดับสูงจากรัฐบาลยูเครนและรัสเซีย ซึ่งมีตุรกีเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่นครอิสตันบูล เมื่อวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม 2568 จบลงโดยไม่มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญๆ เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนาน
รายงานข่าวจากบีบีซีระบุว่า การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายไม่ได้จับมือทักทายกัน และสมาชิกคณะจากยูเครนกว่าครึ่งสวมชุดลายพรางทหาร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงที่ประเทศยังอยู่ในภาวะสงครามเต็มรูปแบบนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
นายฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของตุรกี ได้กล่าวเปิดการหารือ โดยเน้นย้ำถึงสองเส้นทางที่เป็นไปได้ คือ เส้นทางที่นำไปสู่สันติภาพ หรือเส้นทางที่นำไปสู่ความตายและการทำลายล้างที่มากขึ้น
การเจรจาซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ฝ่ายยูเครนระบุว่าฝ่ายรัสเซียได้เสนอข้อเรียกร้องใหม่ที่ไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งรวมถึงการที่รัสเซียยืนกรานให้ยูเครนถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่ในดินแดนอธิปไตยของตนเอง เพื่อแลกกับการหยุดยิง ข้อเสนอนี้ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิจารณาได้โดยรัฐบาลเคียฟ
แม้ว่าการหารือจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสำคัญในประเด็นที่คาดหวังไว้ เช่น การสงบศึกทันที แต่ก็มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมคือการตกลงร่วมกันที่จะแลกเปลี่ยนเชลยศึกจำนวน 1,000 คน ระหว่างทั้งสองฝ่าย
นายเซอร์ฮี คิสลิตเซีย รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน กล่าวถึงข้อตกลงการแลกเปลี่ยนเชลยศึกว่าเป็น “การปิดจบที่ยอดเยี่ยมของวันอันยากลำบาก” และเสริมว่านี่จะเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัวชาวยูเครน 1,000 ครอบครัวที่รอการกลับมาของคนที่รัก
ด้านนายรุสเตม อูเมรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน ยืนยันว่าการแลกเปลี่ยนเชลยศึกจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า “เราทราบวันที่แน่นอนแล้ว แต่เรายังไม่ประกาศในตอนนี้” นายอูเมรอฟยังกล่าวด้วยว่า ขั้นตอนต่อไปของการเจรจาควรเป็นการประชุมระดับผู้นำระหว่าง ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
ขณะที่นายวลาดิมีร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะผู้แทนรัสเซียและผู้ช่วยประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่าได้รับทราบคำขอให้มีการพูดคุยโดยตรงของผู้นำทั้งสองประเทศแล้ว นอกจากนี้ เขายังแสดงความพึงพอใจกับการเจรจาในครั้งนี้ และยืนยันความพร้อมที่จะติดต่อสื่อสารกันต่อไป
การหารือที่อิสตันบูลครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเล็กๆ ของการกลับสู่โต๊ะเจรจาโดยตรง แม้จะยังห่างไกลจากข้อตกลงสันติภาพ แต่การเห็นพ้องเรื่องการแลกเปลี่ยนเชลยศึกก็เป็นผลลัพธ์เชิงบวกเพียงประการเดียวที่เกิดขึ้นจากการพบปะที่สำคัญนี้