นายกฯ “แพทองธาร” ลุยเวียดนาม เปิดเวทีธุรกิจ ชู “Three Connects” ดันการค้าไทย-เวียดนาม พุ่ง 8.75 แสนล้านบาท
กรุงฮานอย, เวียดนาม – วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ห้องทัง ลอง บอลรูม โรงแรม Melia Hanoi น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย และนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (H.E. Mr. Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้ร่วมกันเป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางธุรกิจไทย – เวียดนาม (Thailand – Viet Nam Business Forum) ภายใต้หัวข้อ “1+1 = Zero Boundary on Three Connects”
งานสัมมนาครั้งนี้มีผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรธุรกิจชั้นนำของทั้งสองประเทศเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ หอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม, สมาคมมิตรภาพไทย – เวียดนาม, สภาธุรกิจไทย – เวียดนาม รวมถึงบริษัทเอกชนชั้นนำในหลากหลายสาขา นอกจากนี้ยังมีบุคคลสำคัญจากเวียดนามเข้าร่วม อาทิ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ประธานกรรมการบริษัท VietJet Air, ประธานกรรมการบริษัท Thai Vietjet, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท FPT Corporation, ผู้อำนวยการโรงเรียนโพลีเทคนิค FPT, รองผู้ว่าการธนาคารแห่งรัฐเวียดนาม, เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย และรองประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวขอบคุณรัฐบาลเวียดนามและนายกรัฐมนตรีเวียดนามที่ร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และแสดงความยินดีที่ได้เห็นการรวมตัวของผู้แทนจากทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ หลังจากการยกระดับความสัมพันธ์สู่ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน” ที่ครอบคลุมทั้งมิติการเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการเติบโตและเข้มแข็งไปด้วยกันในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีไทยเน้นย้ำว่า หัวใจสำคัญของหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านคือการเร่งส่งเสริมการเชื่อมโยงห่วงโซ่เศรษฐกิจไทย – เวียดนามในทุกระดับ และงานสัมมนาครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ภาคเอกชนจะได้พบปะ ขยายเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่เกื้อกูลกันอย่างแท้จริง
รัฐบาลทั้งสองประเทศเห็นพ้องในการผลักดัน “Three Connects” หรือยุทธศาสตร์การเชื่อมโยง 3 ด้านหลัก ได้แก่:
- การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Connectivity): โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ปิโตรเคมี, อาหาร, อิเล็กทรอนิกส์, โลจิสติกส์ และเซมิคอนดักเตอร์
- การเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy Connectivity): อาศัยเครือข่ายเมืองคู่มิตรกว่า 20 คู่ระหว่างสองประเทศ
- การเชื่อมโยงการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Connectivity): ครอบคลุมด้านพลังงานหมุนเวียน, เศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงสถานะทางการค้าของทั้งสองประเทศ โดยระบุว่าเวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในโลก และอันดับ 2 ในอาเซียน ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของเวียดนามในโลก และอันดับ 1 ในอาเซียน โดยปีที่ผ่านมา (2567) มูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะเร่งผลักดันให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.75 แสนล้านบาทในเร็วที่สุด
ด้านการลงทุน นักลงทุนไทยเป็นอันดับ 9 ในเวียดนาม ด้วยมูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5 แสนล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชนเวียดนามก็เริ่มขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยกว่า 50% ของการค้าระหว่างกันเป็นการนำเข้าและส่งออกวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพื่อผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมโยงในห่วงโซ่การผลิต
นอกจากนี้ ยังมีแผนการพัฒนาเส้นทางบินตรงระหว่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับเวียดนาม ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวบินแรกของสนามบินในภาคอีสาน เพื่อส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยว รวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่น และยังมีแผนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น เส้นทางเดินเรือสำราญระหว่างสิงคโปร์ – ไทย – เวียดนาม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค
ในมิติของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปัจจุบันกว่า 2 ใน 3 ของการลงทุนไทยในเวียดนามเป็นโครงการด้านพลังงานหมุนเวียน และล่าสุดได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง EXIM Bank ของไทยกับธนาคาร BIDV ของเวียดนาม เพื่อสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสีเขียวและอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงเร่งพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามแดนให้สะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำ
น.ส.แพทองธาร กล่าวย้ำว่า ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านไม่ใช่เรื่องของภาครัฐเท่านั้น แต่ภาคเอกชนคือกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือให้เป็นรูปธรรม รัฐบาลทั้งสองประเทศพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์จากงาน Business Forum ในวันนี้ จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย – เวียดนามให้แน่นแฟ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ภายหลังการเปิดงาน นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนาม ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างภาคเอกชนไทยและเวียดนาม จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจระหว่างสายการบิน Vietjet กับ Thai Vietjet, บันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กับมหาวิทยาลัย FPT และบันทึกความเข้าใจระหว่าง FPT Group กับบริษัท Sunline Technology จำกัด
จากนั้น น.ส.แพทองธาร และคณะ มีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะนายเลือง เกื่อง (H.E. Mr. Luong Cuong) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และเยี่ยมคารวะนายโต เลิม (H.E. Mr. To Lam) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกัน