CIB เปิดปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊” ทลายเครือข่าย “คนกดเงิน” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 19 ผู้ต้องหา ยึดทรัพย์ 6.6 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย “คนกดเงิน” ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ รวบตัวผู้ต้องหาได้ 19 ราย พร้อมยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 6.6 ล้านบาท ชี้พฤติกรรมรับจ้างทำผิดกฎหมาย แลกกับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และคณะ แถลงผลปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊” ซึ่งเป็นการทลายเครือข่ายผู้ที่รับจ้างกดเงินสดและจัดหาบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย กล่าวถึงรายละเอียดของการปฏิบัติการในครั้งนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้จำนวน 19 ราย ซึ่งทำหน้าที่เป็น “คนกดเงิน” ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา “บัญชีม้า” พร้อมกันนี้ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดรวมมูลค่าประมาณ 6.6 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด รองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน เปิดเผยว่า ปฏิบัติการนี้สืบเนื่องจาก ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (CIB AOC) ได้รับแจ้งความและทำการสืบสวนคดีที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญหญิง อายุ 69 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงจนสูญเงินไปกว่า 3 ล้านบาท เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายถูกหลอกลวงซ้ำซ้อนภายในวันเดียวกัน

พฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุเริ่มจาก มีโทรศัพท์สายแรกโทรเข้ามา อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ แจ้งว่ามีพัสดุตกค้างและให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่งมา ผู้เสียหายจึงโทรกลับไป ปลายสายที่สองอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กองคลัง หลอกลวงให้ทำตามขั้นตอนเพื่อเพิ่มเงินบำนาญ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปจำนวน 720,000 บาท

หลังจากที่ผู้เสียหายสูญเงินไปแล้ว ได้มีโทรศัพท์สายที่สามโทรเข้ามา อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่าผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวง ดังนั้นจึงต้องระงับบัญชีและให้ทำตามขั้นตอนของธนาคาร โดยหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินออกไปอีกจำนวน 6 ครั้ง ผู้เสียหายหลงเชื่อและทำตามทุกขั้นตอน จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่าถูกหลอกซ้ำซ้อน ความเสียหายรวมทั้งหมดสูงถึง 3,942,767 บาท

พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 19 ราย ที่ทำหน้าที่รับถอนเงินสดให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฟอกเงิน

ผู้ต้องหาทั้ง 19 รายนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ แก๊งถอนเงินในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี, จังหวัดเชียงราย และจังหวัดนครปฐม

เบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดนครปฐม ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากชาวกัมพูชา ให้ทำหน้าที่จัดหาบัญชีม้าและถอนเงินสด โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นอัตราร้อยละ 2-4 ของยอดเงินที่ถอนได้ และจะนำเงินสดที่ได้ไปฝากเข้าบัญชีธนาคารของชาวกัมพูชาตามคำสั่ง

ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากชายชาวที่ราบสูงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ให้จัดหาบัญชีม้าและถอนเงินสดเช่นกัน โดยได้รับค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 2-4 ของยอดเงินที่ถอนได้ และจะนำเงินสดที่ได้ไปส่งต่อให้กับบุคคลที่ทำหน้าที่ซื้อขายเหรียญดิจิทัล ซึ่งเป็นชาวเมียนมา

ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การตรงกันว่า มีคำสั่งให้รีบถอนเงินสดออกจากบัญชีม้าโดยเร็วที่สุด ภายในเวลาไม่เกิน 20 นาที หลังจากที่มีเงินโอนเข้ามาในบัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระงับบัญชีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

การปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการใช้บุคคลอื่นเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางจะเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *