มั่นคงเคหะการ (MK) ปรับใหญ่! เลิกทำบ้าน เร่งระบายสต็อกกว่า 2.9 พันล้าน ชู “พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์” ธุรกิจหลัก ลุยนิคมฯ บางปะกง 6.5 พันล้าน ร่วม BTS

กรุงเทพฯ – วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ โดยเตรียมก้าวออกจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า พร้อมหันมามุ่งเน้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเป็นแกนหลัก ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD) ซึ่ง MK ถือหุ้นทั้งหมด

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MK เปิดเผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้มาจากการประเมินสถานการณ์ธุรกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทไม่ได้ลงทุนซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเลย ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมภายใต้ PD ทั้งคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง มีอัตราการเช่าสูง และมีสัดส่วนรายได้รวมของ MK สูงถึง 47% ในปี 2567 และสร้างกำไรขั้นต้นได้ถึง 54% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการยืนหยัดได้ด้วยตนเอง

เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ MK เตรียมดำเนินการระบายสต็อกบ้านภายใต้แบรนด์ “ชวนชื่น” ที่มีอยู่ประมาณ 800 ยูนิต ใน 10 โครงการ ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮ้าส์ราคาเฉลี่ย 3-4 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,900 ล้านบาท รวมถึงการขายที่ดินที่เคยเตรียมไว้สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยในอนาคตอีกราว 400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการทั้งหมดภายใน 2-3 ปี

สำหรับทิศทางธุรกิจใหม่ MK จะให้ความสำคัญกับการต่อยอดความสำเร็จของ PD ซึ่งปัจจุบันติดอันดับ 1 ใน 3 ผู้นำธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในพื้นที่บางกอกฟรีเทรดโซนของไทย โดยล่าสุด PD ได้ขยายสู่ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ ผ่านการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS ในสัดส่วน 50/50 ภายใต้บริษัท บางปะกง อินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง มูลค่าโครงการรวม 6,500 ล้านบาท

น.ส.รัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่รวม 965 ไร่ จะพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 7 กลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล (ดาต้า เซ็นเตอร์, คลาวด์) เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายงาน EIA และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2570 โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีแรกไว้ที่ 680 ไร่ ราคาขายประมาณ 12-13 ล้านบาทต่อไร่

น.ส.รัชนี ยังกล่าวถึงสถานการณ์การค้าโลกว่า แม้มีความกังวลเรื่องสงครามการค้า แต่ผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่ของ PD ยังไม่มีสัญญาณย้ายออก บางส่วนมีการชะลอการลงทุน แต่บางส่วนกลับมีแผนขยายพื้นที่ เนื่องจากมองเห็นโอกาสการส่งออกไปยังต่างประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อยากให้ภาครัฐเร่งเจรจาการค้าและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน รวมถึงดูแลประเด็นเอกสารสำคัญอย่าง Certificate of Origin ที่ยังเป็นประเด็นอยู่

ในด้านผลประกอบการ ปี 2567 PD มีรายได้รวม 898 ล้านบาท โดยรายได้จากการเช่าและบริการคิดเป็น 485 ล้านบาท หรือเติบโต 21% จากปีก่อนหน้า บริษัทมีแผนเร่งพัฒนาโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในไปป์ไลน์ เช่น BFTZ 4 บางปะกง และ BFTZ 6 ถ.บางนา-ตราด กม.19 ให้แล้วเสร็จ และตั้งเป้าปี 2568 รักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงกว่า 90% พร้อมเซ็นสัญญาผู้เช่าใหม่เพิ่มกว่า 200,000 ตร.ม.

นอกจากนี้ MK ยังเตรียมเพิ่มทุนใน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT REIT) มูลค่าไม่เกิน 3,350 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ BFTZ 1, BFTZ 2, และ BFTZ 3 รวมพื้นที่ให้เช่า 221,678 ตร.ม. โดยจะเปิดให้จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม 2568

การปรับโครงสร้างครั้งนี้สะท้อนถึงการมองหาธุรกิจที่ยั่งยืนและสามารถเติบโตได้ดีท่ามกลางการแข่งขัน ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นคำตอบสำคัญสำหรับอนาคตของ MK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *