สอดอ เส้นด้าย ลั่นไม่ชี้แจงปมกระเป๋าหรู ลูกค้าไม่ยอม ‘ไม่ตรงปก’ เตรียมสู้คดีถึงศาล

สอดอ เส้นด้าย ยันไม่ชี้แจงปมกระเป๋าแบรนด์เนม โต้เดือดลูกค้าคู่กรณี ยุติที่ชั้นศาล

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับความขัดแย้งระหว่างอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง สอดอ เส้นด้าย หรือ นางสาวพิมพ์ลดา แววไธสง กับลูกค้าที่ซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านช่องทางของเธอ ซึ่งล่าสุดสถานการณ์ดูเหมือนจะยกระดับความรุนแรงขึ้น หลัง สอดอ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ยืนยันว่าจะไม่ขอชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องกระเป๋าอีกต่อไป และขอให้เรื่องทั้งหมดไปจบและตัดสินกันที่ชั้นศาลเท่านั้น.

ก่อนหน้านี้ สอดอ ได้โพสต์ถึงประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ชื่อ “อิดาหวัน” เรื่องการค้างชำระหนี้ แต่โฟกัสหลักยังคงอยู่ที่ประเด็นร้อนกับลูกค้าเรื่องกระเป๋า ตามที่เพจดัง “อีป้าข้างบ้าน” ได้สรุปที่มาที่ไปของเรื่องนี้ โดยระบุว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าคนดังกล่าวได้ทำการซื้อ (เอฟ) กระเป๋าจาก สอดอ มาแล้วหลายครั้ง.

ตามข้อมูลสรุปจากเพจดังกล่าว ผู้เสียหายเคยซื้อกระเป๋าจาก สอดอ มาแล้ว 4 รอบ รอบแรกๆ แม้จะมีปัญหาบ้าง เช่น ซื้อมาหนึ่งแสนบาท แต่ขายต่อได้เพียงสี่หมื่นบาท ลูกค้าก็ยังมองว่าเป็นความผิดพลาดของตนเอง แต่จากการซื้อกระเป๋าครั้งที่ 4 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก ทำให้เกิดเป็นปัญหาขึ้น โดยลูกค้าอ้างว่ากระเป๋าที่ได้รับนั้น “ไม่ตรงปก” กับที่โฆษณาหรือคาดหวังไว้.

เมื่อเกิดปัญหา ผู้เสียหายได้พยายามติดต่อกับทีมงานของ สอดอ และถึงขั้นเดินทางไปที่บ้าน แต่ต่อมา สอดอ ได้รับทราบเรื่องราวและชี้แจงจากมุมของเธอ โดยกล่าวว่าเธอ “ไม่ได้ตั้งใจโกง” และเงินจำนวนนี้ (อ้างอิงถึงยอดตามที่ลูกค้าเรียกคืน) ไม่ใช่จำนวนที่จะต้องโกง ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะ “ลืม” ซึ่งทีมงานที่รับเรื่องตอนนั้นก็ลาออกไปแล้ว.

สอดอ ยังแสดงความไม่พอใจที่ลูกค้าเลือกที่จะไม่ติดต่อผ่านช่องทางหลักอย่างเพจ แต่ปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อยาวนาน ก่อนจะนำเรื่องมาเปิดเผยหรือ “ประจาน” ทำให้เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่ดีที่เคยมีในฐานะแฟนคลับและผู้ขายได้เปลี่ยนไป และได้ประกาศว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับลูกค้าคนดังกล่าวในข้อหา “หมิ่นประมาท” และอาจรวมถึงประเด็น “PDPA” หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย.

ในส่วนของความต้องการจากฝั่งผู้เสียหาย พวกเขาต้องการขอรับเงินคืนเต็มจำนวน 298,000 บาท หรือไม่ก็ขอให้ส่งมอบกระเป๋าใบที่ตกลงซื้อขายกันจริงกลับคืนมา โดยไม่ยอมรับข้อเสนอจาก สอดอ ที่เสนอคืนเงินเพียง 150,000 บาท โดยให้เหตุผลว่ามูลค่าของกระเป๋าได้ลดลงแล้วหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 7 เดือน ซึ่งผู้เสียหายมองว่าไม่เป็นธรรมและไม่ตรงกับสิ่งที่ตกลงไว้.

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายได้รับคำแนะนำจากทนายความให้เรียกร้องขอกระเป๋าคืนก่อน หากไม่สำเร็จก็ให้ดำเนินการแจ้งความในข้อหา “ยักยอกทรัพย์” เนื่องจากมีข้อมูลว่ากระเป๋าใบดังกล่าวอาจถูกขายต่อไปตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม และหากไม่สามารถหากระเป๋ามาคืนได้ อาจต้องชดใช้ค่าเสียหายมากกว่าจำนวน 298,000 บาท.

ล่าสุด ผู้เสียหายยังคงยืนยันในจุดยืนของตนเอง โดยมีการโพสต์ข้อความที่สื่อถึงการไม่ยอมถอยและพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะจบลงที่การต่อสู้คดีในชั้นศาลตามที่ สอดอ ได้ประกาศไว้.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *