ทนายอนันต์ชัย ยืนยัน ‘หลวงพ่อบุญส่ง’ พ้นมลทินคดีลักทรัพย์วัด อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา ชี้ถูกกลุ่มไวยาวัจกรป้ายสี

กรุงเทพมหานคร – วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้ออกมาเปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า หลวงพ่อบุญส่ง หรือ องสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) อดีตรองเจ้าอาวาส และรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร ย่านสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ได้รับการยืนยันจากพนักงานอัยการว่ามีคำสั่งเด็ดขาด ไม่ฟ้อง ในทุกข้อกล่าวหา

คดีนี้สืบเนื่องจาก หลวงพ่อบุญส่งฯ ถูกกลุ่มบุคคลซึ่งระบุว่าเป็นไวยาวัจกรของวัดสมณานัมบริหาร (วัดเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย) แจ้งความดำเนินคดีอาญาในหลายข้อหา อาทิ ลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนา โดยใช้ยานพาหนะ ยักยอกทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานะและความน่าเชื่อถือของท่าน

ล่าสุด หลวงพ่อบุญส่งฯ ได้รับหนังสือแจ้งผลจากพนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ ยืนยันว่า พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 2 มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหลวงพ่อบุญส่งฯ ในทุกข้อกล่าวหาที่ถูกกล่าวหามา ซึ่งหมายความว่า หลวงพ่อบุญส่งฯ พ้นจากมลทิน และข้อครหาทั้งหมดในคดีอาญาที่ถูกกลั่นแกล้งนี้แล้ว

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ยังกล่าวถึงคดีความที่ทางมูลนิธิทนายกองทัพธรรมได้ยื่นฟ้องคณะบุคคลที่กล่าวหาหลวงพ่อบุญส่งฯ ในข้อหา ยื่นหนังสือร้องเรียนอันเป็นเท็จ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน, แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท ต่อศาลแขวงปทุมวัน และศาลแขวงดุสิต

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ศาลแขวงปทุมวันได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับจำเลยทั้งสี่ในคดีหมายเลขดำที่ อ.316/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.809/2567 โดยให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลแขวงดุสิตก็ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับจำเลยทั้งสี่ในคดีหมายเลขดำที่ อ.868/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.124/2568 ในฐานความผิดแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท โดยให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี เช่นกัน

คำพิพากษาของศาลทั้งสองแห่งนี้ เป็นการชี้ให้เห็นว่า ข้อกล่าวหาและเรื่องร้องเรียนที่นำไปสู่การดำเนินคดีต่อหลวงพ่อบุญส่งฯ นั้น เป็นเท็จ และมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้ง ซึ่งทนายอนันต์ชัยระบุว่า การที่เจ้าคณะใหญ่อนัมนิกายมีคำสั่งปลดหลวงพ่อบุญส่งฯ ออกจากตำแหน่งรองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร พร้อมทั้งให้ออกจากวัด โดยไม่มีการไต่สวนตามหลักพระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคมฯ ถือเป็นการฟังความข้างเดียว ไม่เป็นธรรม และอาจเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย

ทนายอนันต์ชัยยังได้กล่าวถึงประวัติของหลวงพ่อบุญส่งฯ ว่าเป็นพระนักพัฒนาที่มีความรู้ความสามารถสูง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในคณะสงฆ์อนัมนิกาย ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ก่อตั้ง Anamnikaya Association ที่ลอสแอลเจลิส พูดได้ถึง 4 ภาษา และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัดกุศลสมาคร ทั้งการจัดหาทุนเพื่อจัดงานศพของอดีตเจ้าอาวาส และการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารต่างๆ ภายในวัดเป็นเงินจำนวนมาก

นอกจากนี้ หลวงพ่อบุญส่งฯ ยังได้ปรับปรุงการบริหารจัดการภายในวัดหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารการเก็บเงินค่าจอดรถใหม่ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มผู้จัดเก็บเดิมสูญเสียผลประโยชน์จำนวนมาก และอาจเป็นสาเหตุของการไม่พอใจนำไปสู่การกลั่นแกล้งในที่สุด

มูลนิธิทนายกองทัพธรรม โดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ยืนยันที่จะเรียกร้องขอคืนความเป็นธรรมให้กับ หลวงพ่อบุญส่ง หรือ องสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) จนกว่าจะถึงที่สุด โดยยึดมั่นในปณิธาน “ธำรง ไม่ทำลาย พระพุทธศาสนา”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *