Microsoft ประกาศเลิกจ้าง 3% หรือราว 6,000 คนทั่วโลก เน้นทุ่มงบ AI และปรับโครงสร้างองค์กร
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก ได้ออกมาประกาศแผนการเตรียมเลิกจ้างพนักงานจำนวนประมาณ 6,000 คน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 3% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดทั่วโลก การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร และเพื่อให้บริษัทสามารถทุ่มเทงบประมาณและทรัพยากรไปกับการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างเต็มที่
โฆษกของไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยระบุว่า "เราจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต่อองค์กรต่อไป เพื่อให้บริษัทอยู่ในสถานะที่ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา" หนึ่งในเป้าหมายหลักของการปรับโครงสร้างนี้คือการลดระดับชั้นการจัดการภายในองค์กร เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การประกาศเลิกจ้างในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 25,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีการคาดการณ์แนวโน้มทางธุรกิจในเชิงบวกสำหรับช่วงเวลาต่อไป
ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ระบุว่า ไมโครซอฟท์มีจำนวนพนักงานรวมทั่วโลกประมาณ 228,000 คน การประกาศเลิกจ้างครั้งล่าสุดนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงานในหลายส่วนงานทั่วโลก รวมถึงพนักงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน ซึ่งคาดว่าจะมีการลดจำนวนพนักงานที่เชื่อมโยงกับสำนักงานใหญ่นี้ลงถึง 1,985 คน โดยในจำนวนนี้จะเป็นพนักงานในสำนักงาน (Office Staff) จำนวน 1,510 คน
การเลิกจ้างพนักงานจำนวน 6,000 คนในครั้งนี้ นับเป็นการปรับลดขนาดองค์กรที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของไมโครซอฟท์ นับตั้งแต่การประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวน 10,000 คนเมื่อปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างต่อเนื่องของบริษัทในตลาดเทคโนโลยีที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยี AI ซึ่งถูกมองว่าเป็นอนาคตของการขับเคลื่อนธุรกิจ