ศาลรัฐธรรมนูญสั่งผู้เชี่ยวชาญส่งความเห็นใน 15 วัน ปมทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญสั่งผู้เชี่ยวชาญส่งความเห็นใน 15 วัน ปมทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมพิจารณาคดีสำคัญเกี่ยวกับปัญหาเรื่องหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยคดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่ประธานรัฐสภาได้ส่งเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลังจากที่ที่ประชุมรัฐสภาได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568
ปัญหาที่รัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคือ ความชัดเจนเกี่ยวกับความจำเป็นในการทำประชามติก่อนหรือหลังการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางและมีความสำคัญต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต ญัตติที่นำมาสู่การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในครั้งนี้ เสนอโดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ในคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง
ภายหลังการพิจารณาญัตติดังกล่าว ที่ประชุมรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบให้ส่งประเด็นปัญหาเรื่องอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย โดยประธานรัฐสภาได้ดำเนินการส่งเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
ในการพิจารณาคดีนี้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายและมีความเห็นว่า เพื่อให้การวินิจฉัยมีความรอบคอบและเป็นประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องนำความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมาประกอบการพิจารณา
ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้นำความเห็นของพยานผู้เชี่ยวชาญที่เคยได้จากการไต่สวนในคดีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้ด้วย และที่สำคัญ ศาลได้มีคำสั่งให้พยานผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ จัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน
ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดกรอบเวลาสำหรับพยานผู้เชี่ยวชาญในการยื่นความเห็นเป็นหนังสือต่อศาล โดยต้องดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล คำสั่งนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องการข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในประเด็นทางกฎหมายที่ซับซ้อนและมีความสำคัญต่อกระบวนการนิติบัญญัติของประเทศ
การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้จะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญสำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในอนาคต ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับสิทธิและอำนาจของประชาชนในการออกเสียงประชามติในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสูงสุดของประเทศ การรอความเห็นจากพยานผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ศาลมีข้อมูลครบถ้วนรอบด้านที่สุดก่อนจะตัดสินชี้ขาดในประเด็นที่ละเอียดอ่อนนี้