ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง ลุยช่วยเด็กครอบครัวทำคลิปกลุ่มลับ! พ่อยังปฏิเสธ ลูกสาวคนโตยอมจำนนหลักฐาน

เพชรบูรณ์ – จากกรณีที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทย กรณีครอบครัวหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีการผลิตและเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาอนาจาร โดยมีเด็กและสมาชิกในครอบครัวเกี่ยวข้อง และมีการจำหน่ายคลิปดังกล่าวในกลุ่มลับ โดยครอบครัวนี้อาศัยอยู่ที่ บ้านดงมะไฟ หมู่ที่ 5 ต.โคกมน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ รวมกัน 12 คน ประกอบด้วย พ่อแม่ ลูก 9 คน และหลานอายุ 8 ขวบ 1 คน

ก่อนหน้านี้ นายเซน ผู้เป็นพ่อ ได้ออกมายืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าภาพและคลิปที่มีการเผยแพร่นั้นเป็นการถูกนำไปตัดต่อเป็นสื่อลามกอนาจาร พร้อมทั้งครอบครัวได้ทำคลิปชี้แจงและประกาศว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่นำข้อมูลไปเผยแพร่หรือกล่าวหาในทางเสียหาย

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ และบ้านพักเด็กจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากถึงกรณีดังกล่าว

จากการประเมินสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ร่วมกับมูลนิธิเป็นหนึ่ง เห็นว่ามีความจำเป็นต้องแยกเด็กบางส่วนออกมาเพื่อคุ้มครองเป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินของครอบครัว เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแยกเด็กออกมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากนายเซน ผู้เป็นพ่อ ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าคลิปเป็นการตัดต่อ และไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำลูกไปดูแลชั่วคราว โดยอ้างความกังวลว่าลูกอาจจะถูกทำร้ายร่างกายหากไปอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ หลังจากการพูดคุยและอธิบายทำความเข้าใจ ในที่สุดครอบครัวก็ยอมให้เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ นำเด็กบางส่วนออกมาดูแลเป็นการชั่วคราวได้

ขณะเดียวกัน กำเงิน ซึ่งเป็นพี่สาวคนโต และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ชักชวนคนเข้ากลุ่มลับ ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา และเกิดการโต้เถียงกับ ต้นอ้อ แห่งมูลนิธิเป็นหนึ่ง โดยยืนยันว่าไม่ใช่บุคคลในคลิป ไม่ได้เป็นผู้ทำคลิป และไม่ได้ชวนคนเข้ากลุ่มลับ แต่สุดท้าย กำเงิน ก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาแสดง ซึ่งเป็นหลักฐานจากคลิปไลฟ์สดที่ไม่สามารถตัดต่อได้

ด้าน ต้นอ้อ ชลิดา พะละมาตย์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิได้ประสานงานกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าตรวจสอบครอบครัวที่เป็นประเด็นร้อนนี้ โดยวัตถุประสงค์หลักคือการแยกเด็กออกมาอยู่ในความดูแลของรัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายใดบ้าง

เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวเสริมว่า ตามอำนาจหน้าที่ หลังจากได้รับแจ้งเรื่องที่เชื่อได้ว่าเด็กถูกกระทำอันเป็นความผิดตามกฎหมาย หรือมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น จำเป็นต้องแยกเด็กออกมาคุ้มครองสวัสดิภาพก่อน ส่วนกระบวนการทางกฎหมายและขั้นตอนการสอบสวน จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการต่อไป โดยทางบ้านพักเด็กฯ จะรับเด็กไปดูแล คุ้มครองสวัสดิภาพ รวมถึงทำการตรวจสอบด้านร่างกายและจิตใจตามกระบวนการต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *