กองปราบตามรวบน้าเขยหื่น ขืนใจหลานสาว 13 ปีซ้ำซาก อาศัยช่วงเมียเข้าเวรดึกที่สุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ธานี – เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้นำกำลังเข้าจับกุมน้าเขยรายหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีข่มขืนกระทำชำเราหลานสาวของภรรยาวัยเพียง 13 ปี โดยอาศัยจังหวะที่ภรรยาต้องไปเข้าเวรดึกที่โรงพยาบาล ก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เหยื่อจะตัดสินใจบอกความจริงและเข้าแจ้งความดำเนินคดี
การจับกุมในครั้งนี้ เป็นไปตามการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองปราบปราม โดย พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม และ พ.ต.ท.ธีระพงษ์ คงเขียว สารวัตร กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายสัมพันธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ จ.89/2567 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร” โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2566 ในช่วงเวลาที่นายสัมพันธ์พักอาศัยอยู่กินฉันสามีภรรยากับหญิงสาวรายหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี ด.ญ.จี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของภรรยา พักอาศัยอยู่ด้วย แต่ทว่านายสัมพันธ์กลับอาศัยช่องโหว่และโอกาสในช่วงเวลาที่ภรรยาต้องออกไปเข้าเวรทำงานที่โรงพยาบาลในช่วงกลางดึก ลงมือก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.จี พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้เด็กสาวนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบอกกล่าวกับใคร
แหล่งข่าวระบุว่า พฤติกรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่นายสัมพันธ์ได้ก่อเหตุซ้ำๆ เป็นเวลานาน จนกระทั่งเหยื่อเด็กสาวไม่สามารถทนแบกรับความทุกข์ทรมานและความกดดันได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับภรรยาของนายสัมพันธ์ ซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ของตนเองทราบ เมื่อภรรยาของนายสัมพันธ์ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็ตกใจและเสียใจอย่างยิ่ง ก่อนจะตัดสินใจพาหลานสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรขุนทะเล เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายสัมพันธ์
หลังจากที่นายสัมพันธ์ทราบเรื่องว่าตนเองกำลังจะถูกดำเนินคดี เขาก็พยายามหลบหนีออกจากบ้านพักเพื่อซ่อนตัวตามจังหวัดต่างๆ มาโดยตลอด เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่ย่อท้อของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนของกองปราบปราม ที่ติดตามไล่ล่ามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับเบาะแสว่า ปัจจุบันนายสัมพันธ์ได้ย้อนกลับเข้ามากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง จึงได้นำกำลังเข้าติดตามและสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในชั้นการสอบสวน นายสัมพันธ์ยังคงให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าตนเองมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับหลานสาวของภรรยาจริง แต่ไม่ได้เป็นการข่มขืนกระทำชำเราตามที่ถูกกล่าวหา อ้างว่าเป็นการกระทำที่เด็กสาวให้ความยินยอม อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์ที่ปรากฏ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายสัมพันธ์แต่อย่างใด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรขุนทะเล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งกฎหมายถือว่าเป็นการกระทำที่เด็กไม่สามารถให้การยินยอมได้