ผลสำรวจพิวชี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างประเทศโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่ 2

ภายในไม่กี่สัปดาห์แรกหลังจากกลับมารับตำแหน่งในทำเนียบขาว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดามากมายในเรื่องนโยบายต่างประเทศ

นายทรัมป์ขู่จะผนวกรวมกรีนแลนด์ ประกาศจะยึดฉนวนกาซา และเริ่มกระบวนการพาสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) กับความตกลงปารีส ข้อตกลงด้านสภาพอากาศขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (USAID) ซึ่งคอยให้เงินช่วยเหลือองค์กรระหว่างประเทศด้วย

มาตรการเหล่านี้ไม่ได้รับความนิยมมากนักในหมู่ชาวอเมริกันทั่วไป ตามผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของศูนย์วิจัย “พิว” (Pew) ซึ่งทำการสอบถามผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ จำนวน 3,605 คน ระหว่างวันที่ 24-30 มี.ค. ไม่กี่วันก่อนที่นายทรัมป์จะประกาศแผนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก

ไม่เห็นด้วยกับการยึดกรีนแลนด์กับฉนวนกาซา

นายทรัมป์มีวาทะกรรมเกี่ยวกับการควบรวมเกาะกรีนแลนด์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ก็เดินทางเยือนเกาะอาร์กติกแห่งนี้หลายครั้ง

แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของพิวพบว่า ผู้รับการสำรวจ 54% คิดว่าสหรัฐฯ ไม่ควรชิงกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก มาเป็นของตัวเอง และเมื่อถามว่านายทรัมป์ควรทำตามแผนนี้หรือไม่ มีเพียง 23% ที่เห็นด้วย ขณะที่ 34% เชื่อว่าไม่ควรทำ

นายทรัมป์ยังเสนอให้สหรัฐฯ ยึดครองฉนวนกาซา ย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่มีสิทธิ์กลับมาอีก แล้วเปลี่ยนดินแดนเล็กๆ แห่งนี้ให้กลายเป็น “ริเวียราแห่งตะวันออกกลาง” ท่ามกลางเสียงประณามจากหลายประเทศว่านี่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่ UN ระบุว่านี่คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ในกลุ่มผู้รับการสำรวจ มี 62% ที่คัดค้านแผนการนี้ ขณะที่มีเพียง 15% เท่านั้นที่เห็นด้วย นอกจากนั้น ความคิดเห็นยังแตกออกเป็น 2 ฝ่ายว่า นายทรัมป์ควรดำเนินการตามแผนหรือไม่ โดยที่ 38% คิดว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง

ไม่เห็นด้วยกับการปิด USAID และถอนตัวจาก WHO

โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อพาสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และความตกลงปารีส ขณะเดียวกันก็ดำเนินการปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (USAID) ระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่องค์กรต่างประเทศทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

คำสั่งของนายทรัมป์ทำให้ตอนนี้ โครงการของ USAID จำนวน 5,200 โครงการจากทั้งหมด 6,200 โครงการ หรือมากกว่า 80% ถือว่าสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว และมันเริ่มส่งผลกระทบต่อการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมในหลายประเทศ เช่นโครงการครัวชุมชนในซูดาน และโครงการสนับสนุนการศึกษาในโอมาน

ตามผลการสำรวจของพิว มีชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวนี้ของนายทรัมป์มากกว่าที่เห็นด้วย แต่ตัวเลขไม่ได้ขาดมากนัก

ผลสำรวจของพิวชี้ว่า ผู้รับการสำรวจ 45% ไม่เห็นด้วยกับการยุติโครงการของ USAID ขณะที่ 35% เห็นด้วย นอกจากนั้น 45% ยังไม่เห็นด้วยกับการออกจากความข้อตกลงปารีส (32% เห็นด้วย) และ 52% ไม่เห็นด้วยกับการออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (32% เห็นด้วย)

รู้สึกว่าทรัมป์เข้าข้างรัสเซียมากไป

ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากๆ กับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพื่อยุติสงครามในยูเครน ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างจากนายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ คนก่อนอย่างสิ้นเชิง

การวิจัยของพิวพบว่า ผู้ร่วมสำรวจความคิดเห็น 43% คิดว่านายทรัมป์เข้าข้างรัสเซียมากเกินไป ขณะที่ 31% คิดว่าเขารักษาสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ดีแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากพิวทำการสำรวจความคิดเห็น บรรยากาศการเจรจาก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยนายทรัมป์ออกมายอมรับว่า เขาโกรธนายปูตินมากที่ไม่ให้ความร่วมมือในการเจรจากับยูเครน และขู่ว่าจะตั้งกำแพงภาษีรัสเซียเพิ่ม หากการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงล้มเหลวเพราะรัสเซียเป็นต้นเหตุ

ขณะเดียวกัน นายทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล มากยิ่งขึ้นในปีนี้

เมื่อถามว่านายทรัมป์เข้าข้างอิสราเอลหรือชาวปาเลสไตน์มากกว่ากัน ผู้รับการสำรวจของพิว 31% คิดว่าเขาเข้าข้างอิสราเอลมากไป ขณะที่ 29% คิดว่าเขารักษาสมดุลได้ดีแล้ว ส่วนกลุ่มที่ไม่แน่ใจอยู่ที่ 37% และมีเพียง 3% เท่านั้นที่มองว่านายทรัมป์เข้าข้างปาเลสไตน์มากไป

ชาวรีพับลิกันหนุนแผนทรัมป์

ถึงแม้ว่าศูนย์วิจัยพิวจะเป็นองค์กรที่ไม่ฝักฝ่ายการเมืองกลุ่มใด แต่ผู้ที่รับการสำรวจไม่ใช่เช่นนั้น ซึ่งผลการสำรวจที่ออกมาชี้ว่า ฝ่ายที่สนับสนุนหรือเอนเอียงเข้าข้างพรรคใดมักไม่แตกแถวจากแนวทางของพรรค เช่นผู้สนับสนุนรีพับลิกันส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการปิด USAID เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ผู้รับการสำรวจที่เป็นผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะสนับสนุนนโยบายต่างประเทศของนายทรัมป์ ขณะที่คนหนุ่มสาวจะไม่เห็นด้วย

พิว ยังสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่นายทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีน (ก่อนประกาศมาตรการเก็บภาษีต่างตอบแทนในปัจจุบัน) โดยผู้รับการสำรวจในภาครวมจำนวน 53% คิดว่ากำแพงภาษีจะส่งผลร้ายต่อพวกเขาแบบส่วนบุคคล แต่ฝ่ายรีพับลิกันเอนเอียงไปทางเชื่อว่าภาษีจะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ มากกว่า ขณะที่ 20% ไม่แน่ใจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *