สกศ. เผยทิศทางวิจัยการศึกษาชาติ 68-70 ชู 8 ประเด็นหลัก ขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทย

กรุงเทพฯ – สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2568 – 2570) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยมุ่งเน้น 8 ประเด็นหลัก เพื่อใช้เป็นเสมือนเข็มทิศในการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ สำหรับการพัฒนาการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับความต้องการและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ

นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ทิศทางการวิจัยดังกล่าวมาจากการศึกษา วิเคราะห์ด้วยกระบวนการมองอนาคต (Foresight) และหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้งานวิจัยสามารถตอบคำถาม แก้ปัญหาในปัจจุบัน ป้องกัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ 8 ประเด็นหลักในการวิจัย ถูกจัดกลุ่มออกเป็น 4 ด้าน ดังนี้

  • ด้านที่ 1: การวิจัยเพื่อพัฒนาแนวคิด ระบบ โครงสร้าง และการจัดการศึกษาที่รองรับและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ
    ประกอบด้วย: การเรียนรู้ตลอดชีวิต และ การศึกษาเพื่อสังคมสีเขียว
  • ด้านที่ 2: การวิจัยเพื่อกำหนดระบบการผลิตและพัฒนาทักษะกำลังคน ผู้เรียน และบุคลากรทางการศึกษาที่มุ่งสู่การยกระดับผลิตภาพโดยรวมของประเทศ
    ประกอบด้วย: การพัฒนาทักษะที่จำเป็นและการ Re-skills/Up-skills ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และ ความเป็นพลเมืองและพลโลก
  • ด้านที่ 3: การวิจัยเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการการศึกษาที่มุ่งสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาในระดับนานาชาติ
    ประกอบด้วย: การศึกษาที่มีคุณภาพ, ความเสมอภาค – ลดความเหลื่อมล้ำ, และ ประสิทธิภาพทางการศึกษา
  • ด้านที่ 4: การวิจัยเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการศึกษา (Ecosystem) ที่สนับสนุนให้เกิดการศึกษาที่มีคุณภาพ ปราศจากความเหลื่อมล้ำ และนำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
    ได้แก่: เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา/การเรียนรู้

เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนงานวิจัยบรรลุเป้าหมาย สกศ. ได้วางกลไกสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ 1. กลไกการจัดสรรทุนวิจัยที่เน้นการบูรณาการและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ทุนวิจัยหนุนเสริมซึ่งกันและกัน 2. การพัฒนากลไกบริหารจัดการระดับพื้นที่หรือระดับ Ecosystem ให้เข้มแข็ง 3. การพัฒนาระบบการทำงานร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงาน (Co-creation) และ 4. การประเมินนโยบายจากผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

นายประวิต ย้ำว่า การกำหนดทิศทางการวิจัยในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่สำคัญ หลังจากนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานนโยบาย หน่วยงานให้ทุน และนักวิจัย เพื่อให้งานวิจัยมีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการกำหนดนโยบายและพัฒนาโครงสร้างการศึกษาของประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *