ตำรวจสุราษฎร์ฯ บุกรวบนักธุรกิจชาวอิสราเอล เปิดธุรกิจรถเช่าเถื่อนเกาะพะงัน ยึดรถกว่า 15 คัน พบมีรถในเครือข่ายถึง 90 คัน ทำกำไรปีละหลายล้านบาท

สุราษฎร์ธานี – เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 11.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ พล.ต.ต.ศรัญญ์ ชำนาญราช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เจริญชัย บุญเกลี้ยง สารวัตรกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการ เข้าดำเนินการตรวจค้นและจับกุม

การปฏิบัติการครั้งนี้ นำไปสู่การจับกุมตัว นายพาเวล ฟาดีฟ (MR. PAVEL FADEEV) สัญชาติอิสราเอล หมายเลขประจำตัวคนต่างด้าว 8300 2567001855 โดยถูกแจ้งข้อหาในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจ (รถเช่า) โดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้”

เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายพาเวล ฟาดีฟ ได้มาเช่าบ้านพักไม่มีเลขที่ ในหมู่ที่ 4 ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำการและจุดให้บริการรถเช่าดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าได้อาศัยบัญชีธนาคารของ น.ส.แอลลี่ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย ในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถเช่า

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายพาเวล ฟาดีฟ ให้การยอมรับว่า ตนเองได้ประกอบธุรกิจ ซื้อ-เช่า อสังหาริมทรัพย์ และเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท เวฟส จำกัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 9/94 หมู่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยตนเองมีใบอนุญาตทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ตามใบอนุญาตเลขที่ ลภ.ภก.2110/67

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาให้การว่า ตนเองได้เดินทางมายังเกาะพะงันเพื่อเปิดบริการรถเช่า โดยใช้ช่องทางเว็บไซต์ www.SHLEVICH.COM ในการติดต่อกับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยอ้างว่ามีรถจักรยานยนต์สำหรับให้บริการเช่าทั้งหมด 90 คัน แต่ในขณะเข้าจับกุม พบรถที่ยังไม่ได้ปล่อยเช่าจำนวน 15 คัน

นายพาเวล ฟาดีฟ ยังให้การถึงวิธีการได้มาซึ่งรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในธุรกิจ โดยระบุว่า ได้ติดต่อซื้อรถจักรยานยนต์ในราคาถูกผ่านทางเฟซบุ๊ก จากทั้งชาวอิสราเอลด้วยกันเอง และจากชาวไทย

ในการเข้าจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ได้แก่:

  • รถจักรยานยนต์ จำนวน 15 คัน
  • หมวกกันน็อค จำนวน 15 ใบ
  • กุญแจรถจักรยานยนต์สำรอง จำนวน 109 ดอก
  • สมุดคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ จำนวน 51 เล่ม
  • สัญญาเช่าซื้อ (ของรถที่ได้มา) จำนวน 386 สัญญา

ผู้ต้องหายังให้การในเบื้องต้นถึงผลประกอบการของธุรกิจนี้ โดยระบุว่า มีเงินหมุนเวียนและผลกำไรในปีที่ผ่านมาประมาณ 3 ล้านบาท

ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัว นายพาเวล ฟาดีฟ พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

การจับกุมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการกวดขันและปราบปรามชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจหรือทำงานโดยผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *