กทม. ปิดภารกิจค้นหา-กู้ภัย สตง. ถล่ม! ผู้ว่าฯ ชัชชาติ แถลงส่งมอบพื้นที่คืน 15 พ.ค. พร้อมอัปเดตยอดผู้เสียชีวิต-ค่าใช้จ่ายเยียวยา

กรุงเทพมหานคร, 13 พฤษภาคม 2568 – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ผู้อำนวยการเขตจตุจักร, ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง และวิศวกรจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ กองอำนวยการร่วม ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ เพื่อประกาศปิดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและการรื้อถอนเศษซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มลงมา

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยว่า ภารกิจการค้นหาและรื้อถอนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดย กทม. ได้ดำเนินการส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 3 ฉบับ เพื่อเตรียมการส่งมอบพื้นที่คืนอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. ประกอบด้วย หนังสือถึงหน่วยงานราชการและทหาร, หนังสือถึง สตง. ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และหนังสือถึงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น ซึ่งประกอบด้วยกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงกองพิสูจน์หลักฐาน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า หน้าที่หลักของ กทม. ในการจัดการเหตุการณ์นี้ได้ยุติลงแล้วหลังการส่งมอบพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องการความช่วยเหลือในด้านใด เช่น เครื่องสูบน้ำ ห้องน้ำ หรือการดูแลความสะอาด กทม. ก็พร้อมให้การสนับสนุนเท่าที่ทำได้

ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นภารกิจขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยและเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้ามาปฏิบัติงานรวมถึง 1,100 – 1,200 คนต่อวัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นายชัชชาติเน้นย้ำว่าชีวิตต้องก้าวต่อไป และคาดว่าจะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานเหล่านี้อีกในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ด้าน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทm. ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมีผู้ลงทะเบียนขอรับการเยียวยาจากเหตุการณ์นี้ใน 50 เขต ทั่วกรุงเทพฯ กว่า 40,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นการขอค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน รวมมูลค่าความช่วยเหลือที่ต้องใช้ในการเยียวยาประชาชนสูงถึงประมาณ 176 ล้านบาท

รองผู้ว่าฯ กทม. ยังได้กล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยเฉพาะค่าน้ำมันสำหรับเครื่องจักรและยานพาหนะต่างๆ ที่ใช้ในการรื้อถอนและขนย้าย ซึ่งมีอัตราการใช้น้ำมันตั้งแต่ 3,000 ถึง 6,000 ลิตรต่อวัน คิดเป็นค่าน้ำมันเฉพาะส่วนนี้ประมาณ 200,000 บาทต่อวัน หากคิดเป็นระยะเวลาปฏิบัติงาน 50 วัน เฉพาะค่าน้ำมันในส่วนนี้ก็ประมาณ 10 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าน้ำมันประเภทอื่น เช่น ไฮดรอลิก เบนซินสำหรับเครื่องปั่นไฟ รวมถึงค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาปฏิบัติงาน ซึ่งคาดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะสูงมาก

กทม. ได้มีการหารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อขอขยายขอบเขตการช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนค่าน้ำมัน ซึ่งแม้บริษัทอิตาเลียนไทยฯ จะให้การสนับสนุนหลัก แต่ในช่วงแรกยังมีหน่วยงานอื่นที่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายเอง นอกจากนี้ กทม. ยังได้ทำเรื่องขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนค่าจ้างหรือค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่เอกชนและอาสาสมัครกู้ภัยที่มาช่วยงานด้วยใจตลอดระยะเวลา 50 วัน ซึ่งทำให้พวกเขาต้องหยุดงานและไม่ได้รับรายได้ตามปกติ รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปิดถนนและไม่สามารถเข้าออกได้สะดวก

ในส่วนของการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) ให้ข้อมูลว่า ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้รับร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนรวมทั้งสิ้น 89 ราย ประกอบด้วยร่างเต็ม 80 ราย และชิ้นส่วน 9 ราย ณ วันนี้ (13 พ.ค.) สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและยืนยันตัวตนได้แล้ว 86 ราย ทั้งที่เป็นคนไทย เมียนมา กัมพูชา และลาว ยังคงเหลือชิ้นส่วนอีก 3 รายที่ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ เนื่องจากญาติบางส่วนยังอยู่ที่ต่างประเทศ และบางรายไม่สามารถหาดีเอ็นเอเพื่อเทียบได้ เบื้องต้นมีประมาณ 3 รายที่ยังรอการพิสูจน์

สำหรับการเก็บวัตถุพยานหลักฐาน พล.ต.ต.วาที กล่าวว่า ได้ดำเนินการเก็บหลักฐานทั้งหมดในทุกโซนที่ กทม. กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว เช่น ชิ้นส่วนเหล็ก คอนกรีต โดยทำงานร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง มีการเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นไป 366 เส้น และแท่งคอนกรีต 237 แท่ง รวม 603 รายการ จากอาคารที่ถล่ม นอกจากนี้ยังได้เก็บตัวอย่างคอนกรีตจากส่วนของอาคารที่ไม่ได้ถล่ม เช่น โถงทางเดิน ลิฟต์ และบันไดหนีไฟ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังคงอายัดพื้นที่ไว้เพื่อการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยจะอายัดบริเวณอาคาร สตง. ที่ถล่มไว้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และบริเวณกองซากปูนที่บางซื่อไว้จนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ซึ่งทางกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเข้าไปเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมภายในระยะเวลาที่กำหนดนี้

สำหรับญาติที่รอรับศพอยู่ ทางสถาบันนิติเวชวิทยาจะส่งข้อมูลการพิสูจน์อัตลักษณ์ให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ซึ่งจะทำหน้าที่ประสานงานกับญาติเพื่อดำเนินการต่อไป โดยจะมีศพที่ทยอยส่งมอบได้อีกประมาณ 14 ราย และที่เหลือ 3 รายที่ยังรอการพิสูจน์อัตลักษณ์

น.ส.ฐิตาพรรณ ฉันทโชติ วิศวกรโยธาชำนาญการ กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเสริมว่า ทางกรมฯ พิจารณาแล้วว่าจะขอเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นและคอนกรีตเพิ่มเติมจากชิ้นส่วนบางส่วนของอาคาร สตง. ที่ยังคงสภาพอยู่ เช่น ชิ้นส่วนเสาและบ่อลิฟต์ รวมถึงจากกองเหล็กเส้นที่บริเวณศาลเยาวชนฯ และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ขนย้ายไปเก็บไว้ เพื่อใช้ในการตรวจสอบทางวิศวกรรมต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *